แนะนำ 8 อันดับ ตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2023
ตู้แช่ หรือ ตู้แช่แข็ง จัดเป็น ตู้เย็น อีกหนึ่งประเภท ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้แช่อาหารสด และอาหารประเภทแช่แข็ง โดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานของธุรกิจมากกว่าการใช้งานของครัวเรือนแบบทั่วไป เนื่องจากจะเป็นตู้แช่ประเภทที่รองรับการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้ในปริมาณมาก และมีข้อจำกัดอยู่ในเรื่องของการใช้กำลังไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าก็จะสูงมากกว่าการใช้งานตู้เย็นแบบปกติด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นจุงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยม สำหรับการใช้งานทั่วไปในครัวเรือนมากเท่าไหร่นักนั่นเอง โดยหากกล่าวถึงตัวเลือกของสินค้าที่มีออกมาให้คุณเลือกซื้อและใช้งานได้ในขณะนี้ ก็เรียกได้ว่ามีอยู่มากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมาอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแบรนด์สินค้าที่มีออกวางจำหน่าย, สเปก การใช้งานโดยรวมที่แตกต่างกันออกไป, ขนาดของตัวเครื่องที่รองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้แตกต่างกัน, กำลังไฟฟ้าที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายในด้านไฟฟ้า, วัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวเครื่องที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงทนทานของตัวสินค้า หรือแม้แต่ระดับราคาที่มีความเหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้การตัดสินใจเลือกซื้อจะมีความหลากหลายมากกว่าในช่วงที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาตู้แช่แข็งซักหนึ่งรุ่นไว้ สำหรับการใช้งานภายในธุรกิจของคุณ และยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อ รุ่นไหนดี สำหรับการใช้งานภาย ในปี 2023 นี้ ในวันนี้เราได้รวบรวมและคัดสรร 10 รุ่นน่าสนใจในราคาสุดคุ้มค่ามาให้คุณได้ลองเลือกเป็นเจ้าของในบทความนี้ของเราเรียบร้อยแล้วครับ
8 ตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
- HAILANG 180L
- The Cool Prima 300 DT
- Fresher FF-520X
- Media ME-258
- GLA 218L
- Haier HCF-108C
- Beko CF100WT
- SONAR BD-41L
1. HAILANG 180L
★★★★★
ตู้ควบคุมอุณหภูมิความเย็นแบบอัจฉริยะที่ปรับแต่งอุณภูมิในการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้มากถึง 7 ระดับ และมีความแข็งแรงทนทานในระดับยอดเยี่ยม จากการใช้งานวัสดุเป็นแบบเสตนเลส
ยี่ห้อ / รุ่น | HAILANG 180L |
ขนาดความจุ | 180 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | 200 วัตต์ |
ขนาดสินค้า | 80 x 60 x 120 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 43 กิโลกรัม |
สำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่นขนาดความจุ 180 ลิตรที่ทำงานได้แบบมีคุณภาพ ด้วยกำลังไฟฟ้าภายในที่อยู่ในช่วงประมาณ 200 วัตต์ และระบบทำความเย็นที่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ทั้งในส่วนของการใช้งานเป็นฟังก์ชันทำความเย็น ที่จะมีอุณหภูมิอยู่ในช่วงประมาณ 5 องศาเซลเซียส ไปจนถึงในช่วงประมาณ -5 องศาเซลเซียส และฟังก์ชันการแช่แข็งที่จะคงอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงประมาณ -6 องศาเซลเซียสเป็นต้นไป ดังนั้นจึงจัดเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ ความแข็งแรงทนทานจัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยมจากวัสดุที่ใช้ในการผลิต
✓ ควบคุมอุณหภูมิในการทำงานได้ทั้งหมดถึง 7 ระดับ
✓ ใช้งานได้ทั้งในรูปแบบของการแช่เย็นและการแช่แข็ง
ข้อพิจารณา
✘ ใช้พื้นที่ในการจัดวางตัวสินค้าอยู่พอสมควร
2. The Cool Prima 300 DT
★★★★★
ตู้แช่แข็งแบบประตูเดียวขนาดความจุ 10.6 คิว ที่สามารถทำความเย็นได้แบบมีคุณภาพ ในขณะที่ยังคงประหยัดพลังงานได้แบบมีคุณภาพไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ยี่ห้อ / รุ่น | The Cool Prima 300 DT |
ขนาดความจุ | 300 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | 215 วัตต์ |
ขนาดสินค้า | 107.4 x 73.8 x 91 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 58 กิโลกรัม |
The Cool Prima 300 DT จัดเป็นรุ่นขนาดความจุ 300 ลิตรหรือประมาณ 10.6 คิว ที่ทำความเย็นให้กับอาหารแช่แข็ง, ของสด หรือเครื่องดื่มบางประเภทได้แบบมีประสิทธิภาพ จากการทำงานของระบบทำความเย็นที่ใช้กำลังไฟฟ้าในการทำงานอยู่ในช่วงประมาณ 215 วัตต์ และรักษาระดับอุณหภูมิได้คงที่ในช่วงประมาณ -18 องศาเซลเซียส ไปจนถึงต่ำสุดที่ประมาณ -25 องศาเซลเซียส ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจสอบระดับอุณหภูมิภายในได้อย่างง่ายดาย ด้วยการตรวจสอบผ่านทางหน้าจอแสดงผลระบบดิจิตอล ที่ถูกติดตั้งมาให้บนตัวเครื่องอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ ขนาดความจุในการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ สูงถึง 300 ลิตร
✓ ตรวจสอบอุณหภูมิได้ง่ายดายผ่านทางหน้าจอแสดงผลระบบดิจิตอล
✓ เคลื่อนย้ายการจัดวางได้ง่ายดายจากการใช้งานล้อเลื่อน
ข้อพิจารณา
✘ ไม่รองรับฟังก์ชันการแช่เย็นสิ่งต่าง ๆ
3. Fresher FF-520X
★★★★★
ตู้แช่เย็นอาหารขนาดความจุ 18.4 คิวที่ถูกออกแบบมาด้วยดีไซน์สวยงามคลาสสิก และใช้งานร่วมกันได้กับหลากหลายธุรกิจอย่างลงตัว
ยี่ห้อ / รุ่น | Fresher FF-520X |
ขนาดความจุ | 520 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | – |
ขนาดสินค้า | 166 x 71 x 84 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | – |
Fresher FF-520X เรียกได้ว่าเป็นรุ่นขนาดใหญ่ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานของธุรกิจขนาดใหญ่โดยเฉพาะ จากขนาดความจุในการแช่แข็งอาหารภายใน ที่ให้มาในช่วงประมาณ 18.4 คิว หรือประมาณ 520 ลิตร ซึ่งในส่วนของอุณหภูมิที่ควบคุมได้ภายในตัวเครื่อง จะอยู่ในช่วงประมาณ 0 องศาเซลเซียส ไปจนถึงต่ำสุดที่ประมาณ -25 องศาเซลเซียส จึงทำให้ตัวสินค้านับว่ารองรับการใช้จัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้หลากหลายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญด้วยการรับประกันคอมเพรสเซอร์ในการทำความเย็น ที่ให้มาสูงสุดในระยเวลาตลอด 5 ปี ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้นไปในเวลาเดียวกันด้วยครับ
ข้อดี
✓ รองรับการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้สูงสุดถึง 520 ลิตร
✓ การรับประกันคอมเพรสเซอร์สูงสุดในระยะเวลายาวนานตลอด 5 ปี
✓ ควบคุมอุณหภูมิได้ตั้งแต่ในช่วง 0 องศาเซลเซียสไปจนถึง -25 องศาเซลเซียส
ข้อพิจารณา
✘ ใช้พื้นที่การจัดวางค่อนข้างมาก
4. Media ME-258
★★★★★
ตู้แช่แข็งแบบฝาทึบจากแบรนด์ Media ที่เคลื่อนย้ายการจัดวางได้อย่างสะดวกสบาย จากการติดตั้งล้อเลื่อนมาให้บริเวณด้านใต้ของตัวเครื่อง
ยี่ห้อ / รุ่น | Media ME-258 |
ขนาดความจุ | 258 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | – |
ขนาดสินค้า | 107.4 x 53.5 x 84 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 49 กิโลกรัม |
ต่อมาเป็นอีกหนึ่งรุ่นขนาดใหญ่ที่มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก สำหรับ การใช้งานภาย ในปี 2023 นี้ ด้วยขนาดความจุในการแช่แข็งที่ประมาณ 9.1 คิวหรือประมาณ 258 ลิตร และความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิ ที่จะทำได้ตั้งแต่ในช่วงอุณหภูมิสูงกว่า -18 องศาเซลเซียสเป็นต้นไป นอกจากนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาระดับความเย็นให้ดีได้มากยิ่งขึ้น ตัวเครื่องจึงยังมีการติดตั้งกระจกสไลด์ด้านในมาให้อีกหนึ่งชั้น ซึ่งช่วยให้ความสามารถในด้านนี้ทำได้ดีมากขึ้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ กระจกสไลด์ด้านในสำหรับช่วยรักษาระดับอุณหภูมิให้ดีได้มากยิ่งขึ้น
✓ เคลื่อนย้ายการจัดวางได้แบบไม่ลำบากมากนัก
✓ การติดตั้งไฟส่องสว่างแบบ LED ภายในตัวเครื่อง
ข้อพิจารณา
✘ รูปลักษณ์การออกแบบมีความเรียบง่าย
5. GLA 218L
★★★★★
ตู้แช่ขนาดมาตรฐานที่ประหยัดพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการใช้พลังงานเพียง 0.71 กิโลวัตต์ต่อระยะเวลา 24 ชั่วโมง
ยี่ห้อ / รุ่น | GLA 218L |
ขนาดความจุ | 218 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | – |
ขนาดสินค้า | 75 x 55.5 x 84.3 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 29 กิโลกรัม |
รุ่นนี้นับเป็นหนึ่งในรุ่นขนาดมาตรฐาน ที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี จากการแบ่งแยกช่องแช่ภายในออกมาทั้งในรูปแบบจองช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็ง ด้วยขนาดความจุภายในของตู้แช่ที่ให้มาในช่วงประมาณ 218 ลิตร ที่สำคัญยังมีความโดดเด่นอยู่ในเรื่องของการประหยัดพลังงาน จากการใช้พลังงานไฟฟ้าในการเปิดทำงานของตัวเครื่องเพียง 0.71 กิโลวัตต์ต่อระยะเวลา 24 ชั่วโมงอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ ประหยัดพลังงานได้แบบดีเยี่ยม
✓ เสียงในการทำงานจัดอยู่ในระดับที่ต่ำ
✓ คววบคุมอุณหภูมิภายในได้แบบมีคุณภาพแม้ในสถารการณ์ที่ไฟดับ
ข้อพิจารณา
✘ ไม่สามารถใช้งานในรูปแบบของการแช่แข็งได้ทั้งตู้
6. Haier HCF-108C
★★★★★
ตู้แช่ Haier รุ่นขนาดเล็กความจุ 3.7 คิว ที่ถูกแบ่งแยกฟังก์ชันการใช้งานออกมาอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบของการแช่เย็นและการแช่แข็ง
ยี่ห้อ / รุ่น | Haier HCF-108C |
ขนาดความจุ | 103 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | – |
ขนาดสินค้า | 57 x 84.5 x 58.5 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 31 กิโลกรัม |
Haier HCF-108C เป็นตู้แช่แข็งรุ่นขนาดเล็กจากแบรนด์ Haier ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในระดับพื้นฐานได้อย่างเพียงพอ ด้วยขนาดความจุภายในที่ให้มาในช่วงประมาณ 103 ลิตรหรือประมาณ 3.7 คิว โดยที่ในส่วนของระบบทำความเย็นจะทำงานได้แบบรวดเร็วและมีคุณภาพ จากการใช้งานฟังก์ชัน Quick Freezing และการติดตั้งฉนวนป้องกันความร้อนความหนาแน่นสูง รวมไปถึงยังมีจุดเด่นสำคัญอยู่ในเรื่องของการแบ่งแยกช่องแช่ออกมาในรูปแบบของช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็งด้วยนั่นเองครับ
ข้อดี
✓ ระบบทำความเย็นที่ทำงานได้แบบมีคุณภาพ
✓ แบ่งแยกช่องแช่ออกมาได้ทั้งในรูปแบบของช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็ง
✓ ใช้พื้นที่ในการจัดวางไม่มากนัก
ข้อพิจารณา
✘ ขนาดความจุต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ อยู่พอสมควร
7. Beko CF100WT
★★★★★
ตู้แช่แข็ง ดีไซน์การออกแบบสุดคลาสสิกรุ่นขนาดความจุ 3.5 คิว ที่ใช้งานยาวนานได้อย่างมั่นใจ ด้วยระยะเวลาการรับประกันคอมเพรสเซอร์สูงสุดตลอด 5 ปี
ยี่ห้อ / รุ่น | Beko CF100WT |
ขนาดความจุ | 100 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | – |
ขนาดสินค้า | 84.5 x 54.5 x 54.5 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 24 กิโลกรัม |
Beko CF100WT คือ ตู้แช่แข็งอีกหนึ่งรุ่นขนาดเล็ก ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ด้วยขนาดความจุภายในของตัวสินค้า ที่รองรับการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ ภายใต้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล 3.5 คิวหรือประมาณ 100 ลิตร ซึ่งจากขขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป และน้ำหนักโดยรวมที่มีอยู่เพียง 24 กิโลกรัม จึงทำให้ในการการเคลื่อนย้ายพื้นที่การจัดวาง ทำได้แบบไม่ลำบากเลยแม้แต่น้อยครับ
ข้อดี
✓ น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายการจัดวางได้สะดวก
✓ ระบบล็อกนิรภัย
✓ การรับประกันคอมเพรสเซอร์ยาวนานตลอด 5 ปี
ข้อพิจารณา
✘ ไม่เหมาะสำหรับการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ในปริมาณมาก
8. SONAR BD-41L
★★★★★
ตู้แช่อาหารและเครื่องดื่มจากแบรนด์ Sonar ที่ทำงานได้แบบยอดเยี่ยมจากระบบทำความเย็นที่ถูกติดตั้งมาให้ภายในตัวเครื่อง
ยี่ห้อ / รุ่น | SONAR BD-41L |
ขนาดความจุ | 41 ลิตร |
กำลังไฟฟ้า | 220 วัตต์ |
ขนาดสินค้า | 45 x 41.5 x 65 เซนติเมตร |
น้ำหนักสินค้า | 12 กิโลกรัม |
หากคุณกำลังมองหา ตู้แช่ ขนาดเล็ก ที่จัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ รุ่นนี้น่าจะจัดเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีความน่าสนใจอยู่พอสมควร จากฟังก์ชันการใช้งานภายในต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งมาให้ภายในของตัวเครื่อง และความสามาถในระบบทำความเย็นที่ทำให้รักษาระดับอุณหภูมิภายในของตัวเครื่องได้อย่างเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของระดับอุณหภูมิที่คงความเย็นได้ ก็จะอยู่ในช่วงประมาณ -4 องศาเซลเซียส ไปจนถึงต่ำสุดที่ประมาณ -20 องศาเซลเซียสเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ การปรับระดับความเย็นที่ทำได้มากถึง 7 ระดับ
✓ การประหยัดพลังงานที่มีคุณภาพจากฉนวนกันความร้อน
✓ น้ำหนักเบาเพียง 12 กิโลกรัม
ข้อพิจารณา
✘ ไม่สามารถใช้งานฟังก์ชันการแช่เย็นได้
เลือกซื้อ ตู้แช่แข็ง อย่างไรดี ?
4 วิธีการเลือกซื้อตู้แช่แข็ง
1. เลือกจากขนาดความจุที่มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน
สิ่งแรกที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการตัดสินใจซื้อตู้แช่แข็งซักหนึ่งเครื่อง จะเป็นในเรื่องของขนาดความที่มีผลโดยตรงต่อการจัดเก็บสิ่่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในตัวเครื่อง เนื่องจากในแต่ละคนก็มักจะมีความต้องการในการจัดเก็บสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะการใช้งานของตู้แช่ ซึ่งหากคุณเลือกซื้อรุ่นที่มีขนาดความจุต่ำจนเกินไป ก็อาจทำให้ตัวสินไม่สามารถรองรับการจัดเก็บสิ่งเหล่านั้นได้มากเพียงพอ หรือาจส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในการจัดเก็บสิ่งเหล่านั้นลงภายในตู้ ก็อาจมากขึ้นจากจำนวนสื่งต่าง ๆ ที่ถูกใส่ลงมากจนเกินไปได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการตัดสินใจซื้อรุ่นที่มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน ก็นับเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการเลือกซื้ออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
2. พิจารณากำลังไฟฟ้าที่ใช้ในการทำงานของตัวเครื่อง
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่จำเป็นจะต้องถูกนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทุกประเภท คือ กำลังไฟฟ้าที่จะใช้ในการทำงานของเครื่องรุ่นนั้น ๆ เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายเพื่อเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวดังกล่าว โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นจะต้องใช้กำลังไฟฟ้าในการทำงานสูงอย่างตู้แช่แข็ง ซึ่งจัดเป็นอุปกรณ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่พอสมควรหากเทียบกับประเภทอื่น ๆ เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อก็ควรมองหารุ่นที่ไม่กินไฟมากจนเกินไป เพื่อให้ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายให้ได้มากยิ่งขึ้นด้วยครับ
3. ตรวจสอบวัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวสินค้า
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะลืมไปไม่ได้ในการตัดสินใจเครื่องตู้แช่แข็ง จะเป็นในส่วนของวัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวสินค้า ซึ่งจะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุดของตัวสินค้า เนื่องจากอุปกรณ์ชนิดนี้เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะเวลายาวนานหลายปี เป็นผลให้การเลือกซื้อรุ่นที่ถูกผลิตขึ้นจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานสูง ก็จะช่วยให้ตัวเครื่องรองรับการใช้งานต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน ที่สำคัญการให้ความสำคัญกับในด้านนี้เป็นหลัก ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้งานในการซ่อมแซมไปได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
4. ให้ความสำคัญกับขนาดตัวเครื่องที่ส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่ในการจัดวาง
จากการที่สินค้าประเภทนี้จัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ส่งผลให้ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง ที่มีผลโดยตรงต่อพื้นที่ที่ใช้ในการจัดวาง ก็นับเป็นสิ่งที่สมควรถูกนำมาในการพิจารณาเลือกซื้อด้วยเช่นกัน เพื่อให้หลังการจัดวางตัวสินค้าแล้วภายในสถานที่ที่คุณจัดวาง จะยังคงมีพื้นที่ใช้สอยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเองครับ
บทสรุป
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังทำธุรกิจ หรือ ทำการค้าขายสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นจะต้องมีการแช่เย็นหรือแช่แข็งอาหาร เพื่อให้สามารถคงความสดและเพิ่มระยะเวลาในการเก็บรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ให้ได้มากยิ่งขึ้น การมองหา ตู้แช่เย็น เอาไว้สำหรับการใช้งาน ก็นับเป็นสิ่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว จากการที่ตัวสินค้าถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับในด้านนี้ได้อย่างตรงจุด และความสามารถในการทำความเย็นที่ทำได้ดีมากกว่าการทำงานของตู้เย็นแบบทั่วไป รวมไปถึงยังมักมาพร้อมขนาดความจุในการจัดเก็บภายในที่มากกว่าอีกด้วย
ซึ่งในการเลือกซื้นรุ่น ที่ต้องการให้ง่ายดายและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นนั้น ๆ ควรเริ่มต้นจากการพิจารณารายละเอียดที่มีความจำเป็นในขึ้นพื้นฐาน ตั้งแต่ขนาดความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน, กำลังไฟฟ้าที่ ใช้ในการทำงานของตัวเครื่อง , วัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวสินค้า ไปจนถึงขนาดตัวเครื่องที่มีผลโดยตรงต่อพื้นที่ในการจัดวางเสียก่อน แล้วจึงเลือกดูระดับราคาที่มีความคุ้มค่า กับสินค้า ตัวนั้น ๆ เป็นเรื่องรองลงมา โดยหากคุณได้ลองพิจารณาถึงรายละเอียด ที่เราได้กล่าวไปทั้งหมดก่อนการตัดสินใจซื้อแล้ว ทางเราก็เชื่อว่าคุณจะต้องได้ใช้งานรุ่นที่เหมาะสม และ ตอบโจทย์ การใช้งานของคุณได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ