รีวิว หูฟัง Sennheiser Momentum 4 Wireless
Sennheiser เป็นแบรนด์อุปกรณ์ เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก ที่ได้มีการวางจำหน่ายสินค้าที่น่าสนใจมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ลำโพง หรือแม้แต่ หูฟัง ประเภทต่าง ๆ แต่สำหรับสินค้าที่เป็นตัวชูโรงและได้รับความนิยมมากที่สุดนั้น มักจะเป็นรูปแบบของหูฟังประเภทต่าง ๆ ที่จะมีให้คุณเลือกซื้อได้ตั้งแต่หูฟังแบบมีสายไปจนถึงหูฟังไร้สายเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุที่สินค้าจากแบรนด์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากนั้น จะมาจากการออกแบบที่ทันสมัย และ การผลิตให้มีคุณภาพในด้านเสียงอย่างน่าสนใจ ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในไลฟ์สไตล์ใด ก็จะสามารถใช้งานอุปกรณ์จากแบรนด์นี้ได้อย่างดีด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของการเล่นเกม, การทำงาน, การฟังเพลง, การรับชมซีรีส์ หรือแม้แต่การใช้งานทั่วไปก็ตาม
สำหรับ บทความในวันนี้ จะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ และกำลังได้รับความนิยมในหมวดหมู่ของสินค้าล่าสุด ที่คุณจะสามารถเลือกใช้งานได้จากทาง Sennheiser อย่าง Sennheiser Momentum 4 ที่เป็นลักษณะของ หูฟังแบบไร้สาย รุ่นท็อปตัวล่าสุด ที่มีความหรูหราในดีไซน์การออกแบบ และล้ำสมัยในการเลือกใช้งานโทนสีและวัสดุส่วนต่าง ๆ ในขณะที่ความสามารถในการใช้งานด้านเสียง ก็นับว่าถูกจัดเต็มมาให้อย่างยอดเยี่ยมในระดับสูง ทำให้ไม่ว่าใครก็จะถูกใจสินค้าตัวนี้กันมากที่สุดแน่นอน ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกของหูฟังในลักษณะดังกล่าวที่น่าสนใจ เราก็จะแนะนำเกี่ยวกับสินค้าตัวนี้ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลย
สเปกโดยรวมของ หูฟัง Sennheiser Momentum 4 Wireless
- รูปแบบสินค้า: หูฟัง Headphone
- การตอบสนองต่อช่วงความนี้เสียงของลำโพง: 6 Hz ถึง 22 kHz
- การตอบสนองต่อช่วงความนี้เสียงของไมโครโฟน: 50 Hz ถึง 10 kHz
- Speaker sensitivity: 106 dB SPL
- Impedance: 470 ohms
- ตัวแปลงสัญญาณ: aptX Adaptive, aptX, SBC, AAC
- รูปแบบการเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2
- ขนาดความจุแบตเตอรี่: 700mAh
- พอร์ตเชื่อมต่อ: USB Type C
- ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด: 60 ชั่วโมง
- ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่: 2 ชั่วโมงพร้อมโหมดชาร์จไว 5 นาที สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน 4 ชั่วโมง
แกะกล่องอุปกรณ์ ภายในกล่องและบรรจุภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์ภายนอก ของสินค้าตัวนี้จะดูมีความเป็นมาตรฐาน และทำให้การพกพาสามารถทำได้อย่างสะดวก ส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกแถมมาให้พร้อมกันภายในนั้น แน่นอนว่าจะต้องมี Sennheiser Momentum 4 ที่เป็นตัวหลักในการใช้งานของวันนี้ โดยจะมีการแถมเคส สำหรับการใช้เพื่อจัดเก็บ และพกพาตัวอุปกรณ์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ มาให้ภายใน รวมไปถึงยังมีสาย USB Type C สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วถูกแถมมาให้ และยังมีสายหูฟังสำหรับเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้งานอีกด้วย นอกจากนี้ก็มีคู่มือการใช้งานที่เป็นสิ่งพื้นฐานของทุกรุ่น เพื่อให้คุณสามารถใช้อ่านเกี่ยวกับ ฟังก์ชันและคำแนะนำได้ด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจที่ถูกแถมมาให้พร้อมกันภายในกล่อง ซึ่งก็คืออแดปเตอร์สำหรับการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานกับ อุปกรณ์บนเครื่องบินด้วยนั่นเอง
การทำงานโดยรวม
ในภาพรวมของการใช้งานนั้นตัว หูฟัง จะมีการออกแบบมาพร้อมฟังก์ชันต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้คุณสามารถใช้งานในทุกรูปแบบและสถานการณ์ได้อย่างดีที่สุด โดยทาง Sennheiser นั้นต้องการที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมให้กับคุณได้มากที่สุด ในช่วงระหว่างที่กำลังใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ ซึ่งสิ่งหลักที่น่าสนใจที่สุดนั้นคือระยะเวลาการทำงาน เมื่อคุณเปิดใช้งาน โหมดตัดเสียงรบกวน ANC เนื่องจากรุ่นนี้ สามารถรองรับได้ยาวนานสูงสุดถึง 60 ชั่วโมง มากกว่าตัวท็อปของสินค้า จากแบรนด์อื่น ๆ และ หูฟังไร้สาย ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ที่ทาง Sony นั้นจะสามารถทำได้เพียง 30 ชั่วโมง ในขณะที่ Bose นั้นจะต่ำลงมาที่ประมาณ 24 ถึง 30 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ Sennheiser Momentum 4 เป็นตัวเลือกที่ชนะขาดไปอย่างชัดเจนในด้านนี้
หากมองในส่วนอื่น ๆ นอกจากระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานอื่น ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ให้กับการใช้งานของคุณได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ระบบปิดการทำงานแบบอัตโนมัติ ที่จะทำการเปิดทำงานทันทีหลังจากไม่ได้ใช้งานตัวหูฟังเป็นระยะเวลา 15 นาที โดยที่ส่วนนี้เป็นหนึ่งในส่วนที่ช่วยสนับสนุนระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน ให้กับตัวหูฟังรุ่นนี้เพิ่มขึ้นมาได้เป็นอย่างดี แต่หากต้องการใช้งานต่ออย่างทันที คุณก็ยังจะสามารถทำการเปิดตัวหูฟังได้ ด้วยการสัมผัสเบา ๆ ที่บริเวณด้านข้างเท่านั้น ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นมาได้เป็นอย่างมากอีกด้วย
สำหรับในด้านของการเชื่อมต่อนั้น จะใช้งานมาตรฐาน Bluetooth 5.2 ที่มีการรองรับ aptX Adaptive เป็นตัวกลางคุฯภาพสูงในการแปลงสัญญาณ และยังคงสามารถรองรับ aptX แบบเก่าในกรณีที่คุณยังใช้งานอุปกรณ์หลักในลักษณะนั้นได้ ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวได้พร้อมกัน ในกรณีที่ต้องการสลับการควบคุมและใช้งานด้านเสียงให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องของการปรับแต่งการทำงานหลัก ๆ นั้น จะสามารถทำได้ด้วยการใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ที่ทำให้คุณสามารถเลือกเปิด-ปิดส่วนต่าง ๆ ในการใช้งานได้ และปรับระดับความเหมาะสมในการแสดงผลเสียง ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น โดยที่ในส่วนนี้คุณจะสามารถบันทึกรูปแบบที่ชื่นชอบ และกำหนดไว้ให้ใช้งานได้ในทุกเวลาที่ต้องการ จากฟังก์ชันการสร้าง Sound Zones บนตัวแอปพลิเคชันได้ด้วยเช่นกัน
การแสดงผลเสียง
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานด้านเสียงของรุ่นนี้ คือ การสร้างโทนเสียงที่มีความสมดุลในทุกส่วน และมีการเพิ่มความสมจริงที่มากกว่าเดิม เมื่อเทียบกันกับสินค้ารุ่นก่อน ๆ ในซีรีส์ Momentum ซึ่งก็ช่วยให้การเล่นเกม, การรับชมคอนเทนต์ หรือแม้แต่การฟังเพลงจะสามารถทำได้อย่างน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยหากแบ่งแยกเกี่ยวกับการแสดงผลเสียงในแต่ละลักษณะนั้น เสียงที่มีความแหลมสูงจะมีความคมชัดมากเป็นพิเศษ ในขณะที่เสียงแบบกลางนั้นจะค่อนข้างทำให้การฟังสามารถทำได้ในระยะยาว ส่วนเสียงในโทนต่ำนั้นจะช่วยเพิ่มความสมดุลและเสียงที่มีความทุ้มและตึงได้มากกว่าปกติ ถือเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจของรุ่นนี้จากรุ่นที่ผ่านมาได้ด้วยเช่นกัน
หากเปรียบเทียบกับตัวเลือกของรุ่นท็อปจากแบรนด์อื่น ๆ แล้ว ในด้านนี้ Sennheiser Momentum 4 นับว่าทำได้ค่อนข้างต่ำกว่าตัวเลือกของแบรนด์ Sony เล็กน้อย เนื่องจากการแสดงผลเสียงช่วงกลาง ที่ทำได้ค่อนข้างมีคุณภาพต่ำกว่า ทำให้การใช้งานทั่วไปอาจไม่ได้อรรถรสที่เทียบเท่ากันมากนัก โดยสิ่งนี้จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่คุณฟังเพลงที่เป็นเสียงกลาง และเน้นการแสดงผลเสียงที่มีความทุ้มของเบสเป็นหลัก แต่ในภาพรวมก็ยังถือว่าทำได้อย่างน่าสนใจ และสมกับการรอคอยในการเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในส่วนของการแสดงผลเสียงด้านการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของการโทร หรือการเรียกใช้งานผู้ช่วยบนสมาร์ทโฟนนั้น สิ่งที่น่าสนใจคือสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน จาก Sennheiser Momentum 3 ที่เป็นรุ่นก่อนหน้า ด้วยการเพิ่มความสามารถให้กับระบบตัดเสียงรบกวนอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการสนับสนุนความสามารถในส่วนนี้ได้มากยิ่งขึ้น จากการทำงานของระบบ Bluetooth 5.2 ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามจากจุดเด่นในส่วนนี้ จึงทำให้การสั่งการผู้ช่วยบนสมาร์ทโฟน จะทำได้อย่างชัดเจนและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นส่วนที่สนับสนุนความสะดวกสบายให้กับการเล่นเกมได้เป็นอย่างดีด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงมีผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อย ที่เลือกใช้งานตัวหูฟังแทนหูฟังเกมมิ่งบางตัวเลยทีเดียว
จุดเด่นของ Sennheiser Momentum 4
หากกล่าวถึงจุดเด่นของหูฟังไร้สายตัวนี้ ในภาพรวมเราจะสามารถพบเห็นได้จากสิ่งต่าง ๆ มากมาย ที่โดยพื้นฐานแล้วจะมาจากฟังก์ชันภายในต่าง ๆ ที่ได้ถูกติดตั้งมาให้ในตัวอุปกรณ์ แต่สำหรับส่วนที่สำคัญมากที่สุดนั้น จะเป็นการใช้งานเทคโนโลยี Adaptive Noise Cancellation ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งมาเป็นอย่างดี ช่วยให้คุณสามารถใช้งานในทุกสถานการณ์ ได้โดยปราศจากเสียงรบกวนในระดับสูงสุด ซึ่งจากการรีวิวของผู้เชี่ยวชาญโดยส่วนใหญ่ ได้มีการการันตีว่าฟังก์ชันนี้ของหูฟังตัวดังกล่าว เป็นหนึ่งในการตัดเสียงรบกวนจากภายนอกที่ดีที่สุดในโลก ภายใต้การทำงานของ ANC
นอกจากการตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยมแล้ว ก็ยังมีส่วนที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เราสามารถพบเห็นได้จากอุปกรณ์ตัวนี้โดยตรง ซึ่งอีกหนึ่งสิ่งนั้นก็คือคุณสมบัติในการตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การใช้งาน ที่จะทำงานทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวหูฟัง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำการดึงหูฟังด้านใดด้านหนึ่งออกจากศีรษะ สิ่งที่คุณกำลังเปิดเล่นอยู่ก็จะหยุดทำงานโดยทันทีแบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณมีความสะดวกสบายกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และยังมีความปลอดภัยในกรณีที่สวมใส่ตัวหูฟัง ในระหว่างที่กำลังเดินอยู่ตามท้องถนนด้วยเช่นกัน โดยฟังก์ชันการทำงานส่วนนี้นับว่ามีการตรวจจับต่อกิจกรรมได้อย่างแม่นยำ ทำให้การหยุดการทำงานของสิ่งที่เล่นอยู่นั้น แทบจะไม่มีความคลาดเคลื่อนเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนระดับการตัดเสียงรบกวนของ ANC ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่คุณอยู่ภายในพื้นที่กลางแจ้ง และต้องการรับรู้เสียงรอบข้างเพื่อให้สามารถปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น รุ่นนี้ก็ยังได้ออกแบบมาให้คุณสามารถทำการซูมบนหูฟังด้านขวา เพื่อทำการลดหรือเพิ่มระดับได้ตามความเหมาะสม ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจและสามารถใช้งานในสถานการณ์จริงได้ดีเป็นอย่าง และค่อนข้างมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง รวมไปถึงยังเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้รุ่นนี้มีความน่าสนใจขึ้นมาอีกพอสมควร อีกทั้งด้วยการใช้งานในลักษณะที่คล้ายกัน เมื่อคุณทำการสไลด์บริเวณหูฟังด้านขวาเช่นเดียวกันกับฟังก์ชันที่ผ่านมา คุณก็จะสามารถทำการข้ามหรือเปลี่ยนเพลง และปรับเพิ่มลดระดับเสียงได้ตามการตั้งค่าของอุปกรณ์อีกด้วย
ดีไซน์การออกแบบ
หูฟัง Sennheiser Momentum 4 เป็นหูฟังที่อยู่ในซีรีส์ Momentum ของทางแบรนด์ ซึ่งจะเน้นการออกแบบที่มีความหรูหรา และทันสมัยในแต่ละส่วนให้มากที่สุด แต่ก็ยังเน้นความกะทัดรัดในทุกส่วน ที่ทำให้ดูมีน้ำหนักและขนาดไม่มากจนเกินไป สังเกตได้จากการที่ไม่มีส่วนยื่นออกมาจากตัวอุปกรณ์มากนัก ไม่ว่าจะเป็นในด้านของไมโครโฟนในการสื่อสาร หรือแม้แต่ส่วนของที่ครอบศีรษะก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากจนเกินไป สำหรับการแย่งเลเยอร์ของการออกแบบส่วนหูนั้น จะยังเน้นไปในทิศทางที่มีความเรียบง่ายเช่นเดียวกันกับในรุ่นที่ผ่านมา แต่ด้วยการเลือกใช้งานวัสดุแบบพลาสติกคุณภาพสูง และการออกแบบส่วนโค้งมาให้มากกว่าเดิม จึงทำให้ความหรูหราดูเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควรจากรุ่นก่อน ๆ ที่สำคัญจากการวางตำแหน่งของพอร์ตและช่องต่าง ๆ ให้อยู่บริเวณด้านล่าง เพื่อให้สามารถสังเกตเห็นได้ยากมากยิ่งขึ้น ก็ช่วยสนับสนุนความเรียบหรูและสวยงามให้กับภายนอกได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
ในส่วนของโทนสีในตัวสินค้าจะไม่ได้มีให้เราสามารถเลือกซื้อกันได้หลากหลายมากเท่าไหร่นัก โดยจะมีเพียงสีดำและสีขาวซึ่งเป็นสีหลักเช่นเดียวกันกับรุ่นที่ผ่าน ๆ มา แต่จะถูกออกแบบมาให้ดูมีพื้นผิวที่แปลกตาจากเดิมเล็กน้อย ทำให้ดูมีความน่าสนใจขึ้นมามากกว่า ในขณะที่ลักษณะของสีก็จะดูมีความเข้มมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างจากรุ่นเดิม ส่วนตัวฟองน้ำสำหรับรุ่นที่เป็นสีดำจะมีการเลือกใช้งานโทนสีเดียวกับส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อให้ดูเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากที่สุด แต่สำหรับรุ่นที่เป็นสีขาวนั้น จะมีการปรับเปลี่ยนไปเป็นสีเทา เพื่อเพิ่มความคอนทราสต์และแปลกตาให้ได้มากยิ่งขึ้น
เรื่องของความสะดวกสบายในการพกพานั้น รุ่นนี้จัดว่าสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี ด้วยการมีขนาดที่กำลังเหมาะสม และไม่มีส่วนที่ยื่นออกมาเช่นเดียวกันกับ Sennheiser Momentum 3 ซึ่งในด้านนี้ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่มีการพัฒนาขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นของสินค้าในซีรีส์ Momentum แต่สิ่งที่น่าแปลกใจในส่วนนี้ ก็คือนอกจากจะมีขนาดที่เล็กและกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ดังเที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว แต่กลับมีการเพิ่มความสามารถในการทำงานส่วนต่าง ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หากคุณกำลังมองหาสินค้าที่พกพาได้ง่าย ด้วยจุดเด่นสำคัญดังที่เราได้กล่าวไป หูฟังไร้สายตัวนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดีแน่นอน
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในด้านของการออกแบบ จะเป็นการที่ตัวสินค้าไม่มีการติดตั้งปุ่มบนหัวหูฟัง ให้เราสามารถใช้กดกันได้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนไปใช้งานเป็นระบบสัมผัส ที่จะคอยใช้ท่าทางในการควบคุมส่วนต่าง ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นการลดระดับของฟังก์ชัน ANC และการปรับควบคุมเกี่ยวกับเสียงและเพลงดังที่เราได้กล่าวไป ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ช่วยเพิ่มความล้ำสมัย และความเข้ากันกับสินค้าในปัจจุบันของยุคนี้ไปได้ด้วยพร้อม ๆ กัน
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องของแบตเตอรี่
ถึงแม้จะมีแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กเพียง 700mAh แต่ Sennheiser Momentum 4 กลับสามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้อย่างยาวนานตลอด 50 ถึง 60 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นส่วนที่น่าสนใจอย่างมากในการใช้งานของรุ่นนี้ โดยระยะเวลาการใช้งานดังที่เราได้กล่าวไป จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดใช้งานเทคโนโลยี ANC หมายความว่าหากทำการปิดใช้งานฟังก์ชันส่วนนี้ ก็จะสามารถเพิ่มระยะเวลาการใช้งานให้ยาวนานได้มากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก สำหรับสินค้าตัวชูโรงล่าสุดของทาง Sennheiser ตัวนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอีกหนึ่งเรื่องที่ถือเป็นความน่าสนใจหลัก ๆ ของรุ่นนี้ จะเป็นการถูกออกแบบฟังก์ชันการชาร์จเร็วมาให้ ที่โดยพื้นฐานจะสามารถเพิ่มระยะเวลาได้มากถึง 4 ถึง 5 ชั่วโมง ด้วยการใช้ระยะเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ทำให้เมื่อเทียบกันกับประสิทธิภาพที่ทำได้แล้ว ภายในระยะเวลาเพียง 1 นาทีที่ทำการชาร์จ จะสามารถยืดระยะเวลาการใช้งานให้เพิ่มขึ้นมาได้ถึง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
การใช้งานแอปพลิเคชัน
แอปพลิเคชันที่ใช้ในการควบคุมและปรับเปลี่ยนการทำงานของ Sennheiser Momentum 4 คือ Sennheiser Smart Control ที่คุณสามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ทันที เมื่อทำการเลือกซื้ออุปกรณ์ตัวนี้ไปไว้ในการใช้งาน โดยสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้ในเบื้องต้นนั้น ก็คือการปรับระดับ EQ ด้านเสียงตามความชื่นชอบของคุณได้อย่างหลากหลาย และเลือกเปิด-ฟังก์ชันต่าง ๆ ตามความต้องการได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นโหมด ANC ที่เป็นรูปแบบของการตัดเสียงรยกวน รวมไปถึงยังมีโหมด Sound Zones ที่เป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจของอุปกรณ์จากแบรนด์นี้อีกด้วย สำหรับการตั้งค่ารายละเอียดในส่วนต่าง ๆ จะสามารถทำได้ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนชื่อ ไปจนถึงการตั้งค่าและอัพเดต Firmware เพื่อให้มีความทันสมัยและป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตให้ได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับคุณสมบัติที่มีความน่าสนใจที่สุดในแอปพลิเคชันตัวนี้ คือ การมีฟังก์ชันเพิ่มเบสถูกติดตั้งมาให้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับการฟังเพลงและรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่คุณจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั้น จะเป็นในกรณีที่คุณลองเปิดเพลงแบบเบสหนัก ที่ถือเป็นรูปแบบเสียงที่ทาง Sennheiser ไม่ได้เน้นการพัฒนามาในช่วงก่อนหน้านี้ แต่กลับทำได้ดีอย่างมากสำหรับการปรับแต่งฟังก์ชันที่เราได้กล่าวไป อย่างไรก็ตามหากคุณยังรู้สึกว่าต้องการให้เสียงแบบเน้นเบส ถูกปรับแต่งได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนระดับ EQ ของเบสได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ที่สำคัญจากการที่เริ่มพัฒนามากยิ่งขึ้นในส่วนนี้ ก็ยังทำให้เราคาดเดาถึงการพัฒนาได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต ถึงการปรับแต่งเกี่ยวกับเสียงเบสด้วยนั่นเอง
นอกจากการปรับแต่งการทำงานแต่ละส่วนแล้ว ตัวแอปยังมีฟังก์ชันสำหรับการแนะนำการใช้งานส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่อยู่ภายในคู่มือแนะนำสินค้า แต่สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย ก็จะสามารถเข้าถึงได้ทันทีจากส่วนหนึ่งของแอปพลิเคชัน
โดยส่วนที่คุณควรให้ความสนใจมากที่สุดนั้น คือ Touch Gestures ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสั่งการระบบสัมผัส ผ่านตัวส่วนที่เป็นอุปกรณ์ครอบหูฟัง ที่คุณจะสามารถเริ่มต้นการตั้งแต่ได้ตั้งแต่แรกผ่านทางแอปพลิเคชันโดยตรง ที่สำคัญก่อนเริ่มต้นการใช้งานในส่วนนี้ อาจจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนและวุ่นวายอยู่เล็กน้อย เนื่องจากคุณจำเป็นจะต้องลงทะเบียนก่อนการเข้าใช้งาน ด้วยการสมัครสมาชิกกับทางแบรนด์โดยตรง แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการเรียนรู้หรือเข้าถึงการใช้งานในส่วนนี้ ก็อาจไม่จำเป็นจะต้องสมัครหรือไปเลือกอ่านดูในคู่มือตามที่เราได้แนะนำไปได้ด้วยในขณะเดียวกัน
บทสรุป
Sennheiser Momentum 4 จัดว่าถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและก้าวกระโดดอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกันกับ Sennheiser Momentum 3 ที่ถูกเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการออกแบบภายนอก หรือแม้แต่รายละเอียดการทำงานโดยรวม โดยเฉพาะการปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ผ่านทางแอปพลิเคชัน และการใช้งานด้านเสียงแบบเน้นเบส ที่ทาง Sennheiser จัดว่าไม่ได้มีความถนัดมากเท่าไหร่นัก ส่งผลให้เราสามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจนในอนาคตว่าสินค้ารุ่นต่อ ๆ ไป ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน สำหรับส่วนที่ถือเป็นความน่าสนใจหลัก ๆ ของรุ่นนี้ จะเป็นเรื่องของระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานกว่าสินค้าระดับท็อปของแบรนด์อื่น ๆ แม้ว่าจะมีการเปิดใช้งานโหมด ANC แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงด้อยกว่าในด้านของคุณภาพเสียงอยู่เล็กน้อย แต่หากคุณกำลังมองหาหูฟังที่เหมาะกับการเล่นเกมและการรับชมสิ่งต่าง ๆ อย่างไรก็ตามรุ่นนี้ก็ยังคงทำได้ดี และไม่ผิดหวังในทุกด้านอย่างแน่นอน