แนะนำ 10 อาหารหนูแฮมเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023

1. เลือกอาหารตามสายพันธุ์ของหนูแฮมเตอร์

ตามธรรมชาติของ หนูแฮมเตอร์ จะเป็นสัตว์กัดแทะ จะออกหากินในตอนกลางคืน อาหารหลักจะเป็นพวกผลไม้ ธัญพืช หนอนหรือแมลง ฟันของหนูแฮมเตอร์จะมีฟันที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ ผู้เลี้ยงจึงต้องจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับลับฟัน หรือเลือกอาหารที่ช่วยลับฟันได้ หนูแฮมเตอร์มีหลายสายพันธุ์ สำหรับสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยม ในประเทศไทยจะมีอยู่ 5 สายพันธุ์

• ซีเรียน แฮมเตอร์ หรือไจแอนท์
  หนูแฮมเตอร์ สายพันธุ์ที่มีขนาดตัวใหญ่มากที่สุด และยังเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เลี้ยงง่าย เชื่องมากๆ จับง่าย ขนาดตัว 12.5 -17.5 ซม. มีขนหลากหลาย อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3ปี ชอบตื่นในช่วงเย็นจนถึงตอนกลางคืน เป็นมิตรกับคน แต่ไม่เป็นมิตรกับหนูด้วยกัน อาจเกิดการแย่งที่อยู่อาศัย แย่งอาหารและอาจกัดกันจนเสียชีวิตได้ ควรเลี้ยงแบบแยกตัวเดียวในกรง
• แคมเบลล์ รัสเซียน
  เป็นหนูแฮมเตอร์ที่มีขนหลากสี สีหลักๆ จะเป็นสี Normal, Satin, Wavy, Rex ขนาดตัว10 – 12 ซม. สามารถเลี้ยงรวมกันหลายตัวได้ ชอบตื่นในช่วงเย็นๆและรุ่งเช้า
• วินเทอร์ ไวท์ รัสเซียน
  หนูแฮมเตอร์ ที่มีลักษณะเด่นก็คือเมื่อถึงฤดูหนาวขนจะเปลี่ยนเป็นสีที่อ่อนลง สีปกติจะเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาล เมื่อถึงฤดูหนาวสีก็จะอ่อนลง มีรูปร่างน่ารัก อ้วนกลม สามารถเลี้ยงรวมกันได้ ขนาดลำตัวประมาณ 8 – 10 ซม. หนูแฮมเตอร์สายพันธุ์นี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ ไซบีเรียน แฮมเตอร์
• ไซนีส แฮมเตอร์
  แฮมเตอร์ สายพันธุ์นี้มีหางยาวกว่าพันธุ์อื่น หน้ายาวตัวเล็กเรียว ขนาดลำตัว 10 -12 ซม. สีขนของพันธุ์ไซนีสจะมีสีน้ำตาลเทาและขาว และมีสีเข้มคาดหลังตามแนวยาวซึ่งเป็นลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้ ลักษณะนิสัยตอนเล็กๆจะตกใจง่าย โตมาจะสงบมากขึ้น
• โรโบรอฟสกี้ แฮมเตอร์
  หนูแฮมเตอร์ตัวเล็กจิ๋ว ขนาดลำตัวเล็กเพียง 4.5 ซม. เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่มีอายุยืนมากที่สุด มีความคล่องแคล่ว ว่องไว สีหลักๆ จะเป็นสีน้ำตาลทอง มีสีขาวตรงช่วงหลังและท้อง รอบดวงตาเป็นสีขาว สามารถเลี้ยงรวมหลายตัวได้

2. เลือกตามประเภทของอาหาร

หนูแฮมเตอร์ มีนิสัยที่จะเลือกกินเฉพาะอาหารที่ชอบเท่านั้น เพราะฉะนั้น การเลือกอาหารควรเลือกแบบที่มีสารอาหารครบถ้วน เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป อาหารหนูแฮมเตอร์นั้นมีหลายประเภท เจ้าของสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ดังนี้

• อาหารแบบสำเร็จรูป
  เนื่องหนูแฮมเตอร์ นั้นมีลักษณะนิสัยที่เลือกกิน เพื่อป้องกันเจ้าหนูป่วย ควรเลือกอาหารหนูแฮมเตอร์แบบสำเร็จรูปที่เป็นแบบเม็ด และซึ่งนอกจากจะสะดวกกับเจ้าของแล้ว ยังอุดมไปด้วยธัญพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์อย่างหนอนหรือปลา ซึ่งเป็นอาหารแบบ Complete Food ที่มีทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ควรเลือกยี่ห้อ ที่มีปริมาณโปรตีนมากกว่า 10% ไขมัน 3-8% และมีเส้นใยสูง
• อาหารธรรมชาติ
  อาหารธรรมชาติ เป็นอาหารที่หาซื้อง่าย อย่างเช่น ข้าวโพด เมล็ดฟักทอง ถั่วลิสง วอลนัท อัลมอนด์ รวมถึงผักและผลไม้ต่างๆ แต่อาหารธรรมชาติที่แนะนำหลักๆก็จะเป็นพวกถั่วและธัญพืช ผลไม้อบแห้ง มากกว่าผลไม้สด เพราะอาจทำให้หนูท้องเสียได้ อาหารธรรมชาติที่เป็นของโปรด แฮมเตอร์ อีกอย่างก็คือหนอนนก ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน อย่างไรก็ตามการใช้อาหารตามธรรมชาติ ก็ควรให้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจทำให้หนูอ้วนและป่วยได้
• ขนมแฮมเตอร์
  การเลือกขนมสำหรับ เจ้าหนูแฮมเตอร์ ควรเลือกขนมที่ทำมาจากผลไม้และหนอนเป็นส่วนประกอบหลัก ให้ขนมเมื่อหนูแฮมเตอร์โตเต็มวัย อย่างไรก็ตามควรให้เสริมไม่ควรให้กินบ่อยๆ เนื่องจากมีน้ำตาลและไขมันสูง ควรให้เพียง1-2วันต่อสัปดาห์ ขนมสำหรับแฮมเตอร์นั้นก็มีหลายรูปแบบไม่ต่างจากขนมของสุนัขและแมว เช่น แบบแท่ง แบบเม็ด แบบขนมเลีย แบบคุ้กกี้ ขนมปังกรอบ ควรหลีกเลี่ยงการให้ขนมหวาน ผักผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

3. เลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและช่วยทำความสะอาดฟัน

คุณสามารถตรวจสอบ ปริมาณสารอาหาร ที่จำเป็นต่อสุขภาพที่ฉลากที่ระบุไว้ โดยอาหารที่เหมาะสม ควรมีปริมาณ โปรตีน17-22 % ไขมัน4-7 % และไฟเบอร์8-15% ควรได้รับเรตินอลบริสุทธิ์อย่างน้อย 3.8 ไมโครต่อาหาร 1 กิโลกรัม เนื่องจากหนูแฮมเตอร์มีความต้องการวิตามินเอมากกว่าหนูทั่วไป เพราะ หากขาดวิตามินเอ ขนจะแข็งหยาบกระด้าง ขนบาง ขนร่วง และที่สำคัญหนูแฮมเตอร์จะมีฟันที่ยาวขึ้นเรื่อยๆควรเลือกอาหารที่สามารถช่วยลับฟันได้ด้วย อย่างไรก็ตามเลือกอาหารที่มีฉลากระบุสารอาหารชัดเจนได้มาตรฐาน

4. เลือกปริมาณที่เหมาะสมและภาชนะบรรจุมิดชิด

เนื่องจาก หนูแฮมเตอร์ นั้นกินอาหารในปริมาณที่น้อยมากๆ หากคุณเลี้ยงหนูไม่กี่ตัวอาจเลือกปริมาณบรรจุที่น้อยๆ เพื่อป้องกันอาหารเสื่อมสภาพ ก่อนกินหมด และควรเลือกยี่ห้อที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด และควรเก็บอาหารไว้ในที่แห้ง ป้องกันอาหารจากความชื้น เพื่อป้องกันเชื้อรา