10 ลำโพงรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
ลำโพง เป็นหนึ่งในส่วนประกอบด้านความบันเทิงของรถยนต์ ที่มีความจำเป็นอย่างมากเมื่อจะต้องเดินทางต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานไปยังสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่จะช่วยลดความน่าเบื่อของการเดินทางให้ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดเพลงหรือวิดีโอคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านทางระบบเครื่องเสียง ที่คุณได้ติดตั้งเอาไว้ภายในห้องโดยสารของคุณ ซึ่งถึงแม้ว่าอุปกรณ์ประเภทนี้จะไม่ได้มีความสำคัญโดยตรง ในส่วนของระบบการขับเคลื่อนหรือระบบการทำงานในส่วนของไฟฟ้า เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ อย่าง เครื่องยนต์ หรือ แบตเตอรี่ แต่หากคุณเลือกซื้อรุ่นที่มีคุณภาพระดับสูง และรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวลำโพง ก็จะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณ
ในระหว่างที่จะต้องใช้งานรถยนต์เป็นประจำในชีวิตประจำวันได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อรุ่นที่มีความคุ้มค่า, ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ดีมากที่สุด และรองรับการติดตั้ง กับรถยนต์ของคุณได้อย่างเหมาะสม จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพื่อให้รถยนต์คันโปรดของคุณสามารถใช้งานในทุกสถานการณ์ได้อย่างมีคุณภาพในระดับสูงสุด
โดยที่ในส่วนของการเลือกซื้อ รุ่นที่มีความคุ้มค่า อย่างที่เราได้กล่าวไปนั้น ก็เรียกได้ว่ามีรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ที่คุณควรให้ความสนใจในการพิจารณา เพื่อให้ได้ใช้งานรุ่นที่คุ้มค่ากับเงินที่คุณง่ายไปมากที่สุด ส่งผลให้ในขั้นตอนของการตัดสินใจเลือกซื้อ จึงนับว่า ค่อนข้างใช้ระยะเวลาที่ยาวนานอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้น เพื่อให้การตัดสินใจเลือกซื้อของคุณทำได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในวันนี้ทางเราจึงได้รวบรวม 10 ลำโพงรถยนต์ สุดน่าสนใจ ในปี 2023 มาให้คุณลองเลือกซื้อไปพร้อมกันกับเราในบทความนี้เรียบร้อยแล้วครับ
10 อันดับ ลำโพงรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
- JBL GT7 SERIES GT7-96
- PLATINUM-X S12X8 AL
- JBL CS-763
- PIONEER TS-R1651S-2
- NEWTHON NT-DV615ZG& NT-KD-6517
- PLATINUM-X S 6515C
- Worldtech WT-SPK137
- AMERICAN SOUND AMS-615Z
- Bside GT-6.9CH
- Worldtech WT-594ASP
1. JBL GT7 SERIES GT7-96
★★★★★
ลำโพง JBL สำหรับติดตั้งบนรถยนต์ ที่ให้รายละเอียดด้านเสียงต่าง ๆ ได้อย่างคมชัดและครบถ้วนในทุกมิติ
ยี่ห้อ / รุ่น | JBL GT7 SERIES GT7-96 |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 210 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 94 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 40 Hz ถึง 21 kHz |
ค่าความต้านทาน | 4 โอห์ม |
วอยซ์คอยล์ | – |
รุ่นแรกเป็น ลำโพง คุณภาพสูงที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้ แบรนด์ JBL ซึ่งทำให้รองรับการแสดงผลเสียงในทุกมิติได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงในรูปแบบของเบส, กลาง หรือเสียงแหลม จากรายละเอียดต่าง ๆ ภายในที่ถูกใส่มาให้ของตัวอุปกรณ์ ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาลำโพง ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมสิ่งต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
ข้อดี
✓ ระดับความไวเสียงค่อนข้างสูง
✓ แสดงผลเสียงได้ครบถ้วนในทุกลักษณะ
✓ ช่วยเพิ่มอรรถรสการรับชมสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างการเดินทางได้เป็นอย่างดี
ข้อควรพิจารณา
✘ รองรับกำลังขับได้ไม่สูงมากนัก
2. PLATINUM-X S12X8 AL
★★★★★
ลำโพงรถยนต์ประสิทธิภาพการทำงานระดับสู.จากแบรนด์ PLATINUM-X ที่รองรับกำลังขับได้สูงสุดถึง 600 วัตต์
ยี่ห้อ / รุ่น | PLATINUM-X S12X8 AL |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 600 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | – |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | – |
ค่าความต้านทาน | – |
วอยซ์คอยล์ | – |
PLATINUM-X S12X8 AL เป็นลำโพงรุ่นขนาด 8 x 12 นิ้ว ที่ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งบนรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่กินพื้นที่ในการจัดวางมากจนเกินไป ส่งผลให้ตัวลำโพงสามารถประหยัดพื้นที่ และตอบโจทย์การใช้งานของรถยนต์ทุกประเภทไปได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ส่วนจุดเด่นสำคัญของลำโพงตัวนี้ จะเป็นในเรื่องของการรองรับกำลังขับ ที่ทำได้มากสุดถึงในระดับ 600 วัตต์ ส่งผลให้ตัวอุปกรณ์สามารถส่งออกเสียงได้อย่างคมชัด แบบไม่จำเป็นจะต้องปรับระดับความดังของเสียงมากเท่าไหร่นักนั่นเองครับ
ข้อดี
✓ กำลังขับสูงสุด 600 วัตต์
✓ รองรับการติดตั้งบนรถยนต์ได้แบบไม่กินพื้นที่
✓ คุณภาพเสียงของตัวอุปกรณ์อยู่ในระดับสูง
ข้อควรพิจารณา
✘ ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเข้ากันกับระบบเสียงของห้องโดยสารโดยตรง
3. JBL CS-763
★★★★★
ลำโพงสำหรับติดรถยนต์จากแบรนด์ JBL ที่ให้รายละเอียดเสียงต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน และรองรับขอบเขตในการแสดงผลเสียงได้อย่างยืดหยุ่น
ยี่ห้อ / รุ่น | JBL CS-763 |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 135 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 92 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 55 Hz ถึง 21 kHz |
ค่าความต้านทาน | 4 โอห์ม |
วอยซ์คอยล์ | – |
อีกหนึ่งรุ่นของลำโพงสำหรับติดรถยนต์จากแบรนด์ JBL ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับการใช้งาน ภาย ในปี 2023 นี้ จากสเปกโดยรวมต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งมาให้ภายในตัวอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการรองรับกำลังขับได้สูงสุด 135 วัตต์, การตอบสนองต่อช่วงความถี่ของเสียงที่ทำได้ค่อนข้างกว้าง, ค่าความต้นทานเสียงระดับ 4 โอห์ม หรือแม้แต่ระดับความไวของเสียง 92 เดซิเบล ที่ช่วยให้ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังขับในการทำงานมากเท่าไหร่นัก และทำให้ประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างมากในเวลาเดียวกันครับ
ข้อดี
✓ ประสิทธิภาพการแสดงผลเสียงระดับสูง
✓ ระดับความไวเสียงทำให้ใช้กำลังในการขับไม่มากนัก
✓ ตอบสนองต่อช่วงความถี่ได้ค่อนข้างกว้าง
ข้อควรพิจารณา
✘ กำลังขับสูงสุดและค่าความต้านทานอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กันมากนัก
4. PIONEER TS-R1651S-2
★★★★★
ลำโพงสำหรับการใช้งานบนรถยนต์ขนาด 6.5 นิ้ว ที่สามารถส่งออกเสียงได้อย่างมีคุณภาพ และครบถ้วนในทุกมิติของรายละเอียด
ยี่ห้อ / รุ่น | |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 300 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 90 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 30 Hz ถึง 18 kHz |
ค่าความต้านทาน | 4 โอห์ม |
วอยซ์คอยล์ | – |
PIONEER TS-R1651S-2 เป็นลำโพงขนาด 6.5 นิ้วจากแบรนด์ PIONEER แบบแกนร่วมสามทิศทาง ที่รองรับการแสดงผลเสียงรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างคมชัดในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของของเสียงที่มีความแหลม, เสียงระดับกลาง หรือแม้แต่เสียงทุ้ม ซึ่งจัดว่าครอบคลุมได้ในทุกมิติของการฟังเพลง และการรับชมวิดีโอคอนเทนต์ทุกประเภท ยิ่งไปกว่านั้นด้วยดีไซน์การออกแบบที่มีความทันสมัย ก็เป็นส่วนที่ทำให้มุมมองโดยรวมของรถยนต์ มีความสวยงามและทันสมัยได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ รองรับการแสดงผลได้ในทุกมิติของเสียง
✓ ระบบลำโพงแบบแกนร่วมสามทิศทาง
✓ ช่วยให้รถยนต์ของคุณดูมีความทันสมัยได้มากยิ่งขึ้น
ข้อควรพิจารณา
✘ ค่าความต้านทางของเสียงอยู่ในระดับต่ำทำให้ใช้กำลังขับค่อนข้างมาก
5. NEWTHON NT-DV615ZG& NT-KD-6517
★★★★★
ลำโพงรถยนต์กำลังขับสูงสุด 500 วัตต์ ที่จะช่วยเพิ่มมิติของการฟังเพลงและรับชมวิดีโอให้ดีได้มากยิ่งขึ้น
ยี่ห้อ / รุ่น | NEWTHON NT-DV615ZG& NT-KD-6517 |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 500 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | – |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 25 Hz ถึง 18 kHz |
ค่าความต้านทาน | 4 โอห์ม |
วอยซ์คอยล์ | 25 มิลลิเมตร |
NEWTHON NT-DV615ZG& NT-KD-6517 นับเป็นหนึ่งในรุ่นของลำโพงสำหรับการใช้งานบนรถยนต์ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่มได้ดีเป็นอย่างมาก ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานในระดับทั่วไป และผู้ที่ต้องการอุปกรณ์สำหรับการแสดงผลเสียง ที่มีความคมชัดและสมจริงมากกว่าลำโพงแบบทั่วไป นอกจากนี้ด้วยความสามารถในการรองรับแรงขับ ที่ทำได้มากสุดถึง 500 วัตต์ ก็เป็นส่วนที่ทำให้รุ่นนี้ไม่จำเป็นจะต้องเปิดระดับเสียงให้ดังมากเท่าไหร่นักด้วยเช่นกันครับ
ข้อดี
✓ เงื่อนไขการรับประกันที่มีความน่าสนใจ
✓ รองรับกำลังขับได้สูงสุด 500 วัตต์
✓ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ข้อควรพิจารณา
✘ ค่าความต้านทานของเสียงเพียง 4 โอห์ม
6. PLATINUM-X S 6515C
★★★★★
ลำโพงจากแบรนด์ PLATINUM-X สำหรับการติดตั้งบนรถยนต์ ที่ส่งออกเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบของตัวลำโพงที่เป็นแบบแกนร่วม 2 ทิศทาง
ยี่ห้อ / รุ่น | PLATINUM-X S 6515C |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 180 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 91 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 60 Hz ถึง 21 kHz |
ค่าความต้านทาน | – |
วอยซ์คอยล์ | – |
PLATINUM-X S 6515C จัดเป็นหนึ่งในรุ่น ระดับมาตรฐาน ที่รองรับการติดตั้งและใช้งานร่วมกันกับรถยนต์ แทบทุกแบรนด์ได้อย่างลงตัว จากรายละเอียดทางด้านสเปกต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งมาให้ภายในของตัวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสามารถในการรองรับกำลังขับ ที่ทำได้สูงสุดในระดับ 180 วัตต์, ช่วงความถี่ในการแสดงผลเสียงตั้งแต่ 60 Hz ไปจนถึง 21 kHz และค่าระดับความไวเสียงที่อยู่ในระดับ 91 เดซิเบล เป็นต้นครับ
ข้อดี
✓ ตอบสนองต่อช่วงความถี่ได้ค่อนข้างกว้าง
✓ ดีไซน์การออกแบบมีความสวยงามคลาสสิก
✓ ส่งออกเสียงได้อย่างคมชัดสมจริง
ข้อควรพิจารณา
✘ กำลังขับต่ำกว่าหลาย ๆ รุ่นอยู่พอสมควร
7. Worldtech WT-SPK137
★★★★★
ลำโพงแบบ 4 ทิศทางขนาด 6 x 9 นิ้วจากแบรนด์ Worldtech ที่ใช้งานได้อย่างมั่นใจจากระยะเวลาการรับประกันสินค้าตลอด 6 เดือน
ยี่ห้อ / รุ่น | Worldtech WT-SPK137 |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 150 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 90 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 45 Hz ถึง 20 kHz |
ค่าความต้านทาน | – |
วอยซ์คอยล์ | 25 มิลลิเมตร |
ต่อมาเป็นหนึ่งในรุ่นสุดคุ้มค่าที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการติดตั้งบนรถยนต์ทุกประเภท ด้วยการทำงานของระบบเสียงแบบ 4 ทิศทาง ซึ่งทำให้ตัวอุปกรณ์ส่งออกเสียงได้อย่างคมชัดในทุกรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานในช่วงแรกให้มากยิ่งขึ้น ทางแบรนด์จึงได้มีการแถมการรับประกันสินค้า มาให้ยาวนานสูงสุดตลอด 6 เดือนหลังจากการเริ่มใช้งานเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ ระบบส่งออกเสียงแบบ 4 ทิศทาง
✓ ช่วงความถี่เสียงอยู่ในระดับมาตรฐาน
✓ การรับประกันสินค้าตลอด 6 เดือน
ข้อควรพิจารณา
✘ ค่าความไวเสียงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ
8. AMERICAN SOUND AMS-615Z
★★★★★
ลำโพงรถยนต์กำลังขับ 350 วัตต์จากแบรนด์ AMERICAN SOUND ที่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบสุดสวยงามแปลกใหม่ จากการถูกตกแต่งด้วยลวดลายของธงชาติอเมริกัน
ยี่ห้อ / รุ่น | AMERICAN SOUND AMS-615Z |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 350 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | – |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | – |
ค่าความต้านทาน | 4 โอห์ม |
วอยซ์คอยล์ | 25 มิลลิเมตร |
สำหรับรุ่นนี้ เป็นหนึ่งในรุ่นจาก แบรนด์ AMERICAN SOUND ที่ถูกออกแบบมาให้มีความโดดเด่นสำคัญอยู่ในเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์การออกแบบ ซึ่งถูกตกแต่งด้วยลวดลายแบบธงชาติอเมริกัน และทำให้รถยนต์ของคุณดูมีความสวยงามและแปลกใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ส่วนในเรื่องของสเปกและรายละเอียดต่าง ๆ ด้านการใช้งาน รุ่นนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน และใช้งานในทุกสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมแน่นอนครับ
ข้อดี
✓ สเปกโดยรวมเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
✓ รองรับกำลังขับได้สูงสุด 350 วัตต์
✓ แสดงผลเสียงทุกมิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณา
✘ ค่าอิมพีแดนซ์ที่ให้มาในระดับ 4 โอห์ม
9. Bside GT-6.9CH
★★★★★
ลำโพงรุ่นราคาย่อมเยาเข้าถึงได้ง่าย ที่มาพร้อมสเปกการใช้งานโดยรวมจัดอยู่ในระดับสูง และรองรับการใช้งานของคนในทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี
ยี่ห้อ / รุ่น | Bside GT-6.9CH |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 600 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 93 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 60 Hz ถึง 20 kHz |
ค่าความต้านทาน | 4 โอห์ม |
วอยซ์คอยล์ | – |
Bside GT-6.9CH เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นราคาย่อมเยา ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนหลากหลายรูปแบบได้ดีเป็นอย่างมาก จากสเปกโดยรวมต่าง ๆ ที่ถูกจัดมาให้ในระดับสูงหากเทียบกันกับระดับราคา โดยที่รายละเอียดต่าง ๆ ที่ถูกใส่มาให้ภายในตัวอุปกรณ์นั้น จะประกอบไปด้วยระดับความไวเสียง 93 เดซิเบล, กำลังขับสูงสุดที่รองรับได้ 600 วัตต์ และค่าความต้านทานเสียงที่ให้มา 4 โอห์ม เป็นต้นครับ
ข้อดี
✓ กำลังขับรวมสูงสุดในระดับ 600 วัตต์
✓ ตอบสนองต่อช่วงความถี่ได้ค่อนข้างกว้าง
✓ ระดับความไวเสียงสูงถึง 93 เดซิเบล
ข้อควรพิจารณา
✘ เสียงที่ส่งออกมาค่อนข้างมีความพื้นฐาน
10. Worldtech WT-594ASP
★★★★★
ลำโพงรถยนต์ จากแบรนด์ Worldtech แบบแสดงผลเสียง 4 ทิศทาง ที่รองรับการตอบสนองต่อความถี่ได้ในระดับที่สูงกว่ารุ่นอื่นๆ
ยี่ห้อ / รุ่น | Worldtech WT-594ASP |
รองรับกำลังขับได้สูงสุด | 120 วัตต์ |
ระดับความไวเสียง | 89 เดซิเบล |
การตอบสนองต่อช่วงความถี่ | 65 Hz ถึง 20 kHz |
ค่าความต้านทาน | – |
วอยซ์คอยล์ | 25 มิลลิเมตร |
สุดท้าย เป็นอีกหนึ่งรุ่นจาก แบรนด์ Worldtech ที่มาพร้อมความโดดเด่น สำคัญอยู่ในเรื่องของความสามารถในการตอบสนองต่อย่านความถี่ ที่รองรับได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น 65 Hz ไปจนถึง 20 kHz ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงมากกว่ารุ่นอื่น ๆ อยู่พอสมควร ดังนั้นจึงทำให้การส่งออกเสียงมีความครบถ้วน และตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีในกลุ่มของคนที่กำลังมองหาลำโพงคุณภาพสูง ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นด้วยระยะเวลาการรับประกันที่ให้มายาวนานสูงสุด 6 เดือน ก็ช่วยให้ใช้งานต่อเนื่องได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ การรับประกันสินค้ายาวนานตลอด 6 เดือน
✓ ตอบสนองต่อช่วงความถี่ได้ค่อนข้างกว้าง
✓ แสดงผลเสียงได้แบบ 4 ทิศทาง
ข้อควรพิจารณา
✘ กำลังขับสูงสุดเพียง 120 วัตต์
วิธีการเลือกซื้อลําโพงรถยนต์
1. เลือกจากกำลังในการขับสูงสุดที่รองรับได้
กำลังในการขับของลำโพงรถยนต์เป็นส่วนที่จะแสดงให้เห็นว่า ตัวลำโพงจะสามารถรองรับการแสดงผลเสียงได้อย่างคมชัดมากเพียงใด เมื่อเปิดใช้งานเพื่อเล่นเพลงหรือวิดีโอคอนเทนต์ต่าง ๆ ในระดับความดังปกติ ซึ่งหากยิ่งรุ่นที่คุณเลือกซื้อรองรับกำลังขับได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะหมายความว่าจะสามารถแสดงผลเสียงในความดังระดับปกติได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นจะต้องเปิดเร่งระดับเสียงของตัวแอมป์มากเท่าไหร่นักด้วยนั่นเอง
ส่วนในเรื่องของการเลือกซื้อนั้น คุณควรพิจารณาดูจากขนาดของรถยนต์ที่คุณขับขี่ ว่าจำเป็นจะต้องเปิดเสียงของสิ่งต่าง ๆ ในระดับที่ดังมากเท่าไหร่ ถึงจะสามารถรับฟังทุกคอนเทนต์ได้อย่างคมชัดและเต็มอรรถรส ซึ่งสำหรับรถรุ่นขนาดเล็กการเลือกรุ่น ที่รองรับกำลังขับได้ไม่มากจนเกินไปนั้น นอกจากจะเป็นส่วนที่ทำให้ประหยัดงบประมาณในการเลือกซื้อได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ในระหว่างการใช้งาน ตัวลำโพง จะไม่มีเสียงที่ดังมากจนเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของคุณด้วยเช่นกัน
แต่ในทางตรงกันข้ามหากคุณกำลังมองหาลำโพง สำหรับการติดตั้งเพื่อใช้งานในรถยนต์ขนาดใหญ่ ก็ควรมองหารุ่นที่มีกำลังในการขับค่อนข้างสูง เนื่องจากจะช่วยให้ในระหว่างการเปิดใช้งานระบบมีเดียต่าง ๆ เสียงที่ถูกส่งออกมาจะมีความคมชัด และมีระดับความดังที่มากเพียงพอ ซึ่งก็เป็นผลให้เมื่อฟังเพลงหรือรับชมวิดีโอ เสียงที่ส่งออกมาจะสามารถเข้าถึงได้อย่างมีคุณภาพในทุกแถวที่นั่งของรถยนต์ด้วยนั่นเองครับ
2. พิจารณาช่วงความถี่ของตัวอุปกรณ์ที่รองรับการตอบสนองได้
อีกหนึ่งส่วนที่คุณควรให้ความสนใจในการพิจารณาเลือกซื้อ ไม่แพ้กันกับในหัวข้อที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ จะเป็นในเรื่องของช่วงความถี่ลำโพง ที่ตัวอุปกรณ์รองรับการใช้งานและส่งออกได้ เมื่อมีการเปิดฟังเพลงในช่วงเวลาต่าง ๆ ของการเดินทาง เนื่องจากสิ่งนี้ก็นับเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญ ที่จะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงประสิทธิภาพการทำงานของตัวลำโพง ว่าสามารถรองรับการส่งออกเสียงได้ครอบคลุมกับที่หูของคนเรา จะรองรับได้มากเพียงพอหรือไม่ด้วยเช่นกัน โดยที่ในด้านของการเลือกซื้อนั้น ในเบื้องต้นควรมองหาดูจากรุ่นที่มีช่วงความถี่ระดับมาตรฐานเสียก่อน เนื่องจากในหลาย ๆ รุ่นจะมีช่วงความถี่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้การเปรียบเทียบเพื่อการเลือกซื้อจะสามารถทำได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น แล้วจึงตรวจสอบดูว่ารุ่นอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับราคาและมีสเปกการใช้งานใกล้เคียงกัน รองรับช่วงความถี่ของเสียงได้ในระดับที่แตกต่างกันมากเพียงใด ซึ่งหากคุณเป็นผู้ใช้งานในระดับทั่วไป ที่ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานลำโพงช่วงความถี่กว้างมากเท่าไหร่นัก การเลือกเพียงรุ่นที่ให้สเปกด้านนี้มาในระดับทั่วไป ก็น่าจะตอบโจทย์การเลือกซื้อของคุณได้ดีมากเพียงพอแล้ว แต่หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สามารถแยกความแตกต่างของระดับเสียงได้ และต้องการหาลำโพงรถยนต์ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานสูงมากกว่ารุ่นอื่น ๆ การเลือกรุ่นที่มีช่วงความถี่กว้างมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็จัดเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่มีความน่าสนใจในการเลือกซื้ออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
3. ตรวจสอบระดับความไวของเสียง
ค่าความไวของลำโพงทุกประเภทเป็นสิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าลำโพงรุ่นนั้น ๆ สามารถขับเสียงออกมาได้ในระยะที่ไกลมากแค่ไหน และต้องใช้กำลังในการขับมากเท่าไหร ที่จะทำให้เสียงที่ส่งออกมามีความเร็วอยู่ในระดับพื้นฐาน โดยหากยิ่งรุ่นที่คุณเลือกซื้อมีค่าความไวอยู่ในระดับสูง ก็จะทำให้เมื่อเปิดใช้งานตัวลำโพง คุณจะสามารถได้ยินเสียงในระยะทางที่ไกลมากขึ้นได้อย่างคมชัด และจะมีระดับเสียงที่เบาลงเมื่อค่อย ๆ เดินห่างจากตัวลำโพงออกไปเรื่อย ๆ ดังนั้นหากคุณต้องการให้รถยนต์ของคุณมีเสียง ที่คมชัดในระหว่างการเปิดใช้งานในช่วงเวลาต่าง ๆ ก็ควรเลือกรุ่นที่มีค่าความไวเหมาะสมกับขนาดรถยนต์ของคุณด้วยเช่นกันครับ
4. ให้ความสำคัญกับค่าความต้านทานของตัวลำโพง
สำหรับรายละเอียดในส่วนนี้เป็นส่วนที่จะใช้วัดการดึงกระแสของลำโพง ซึ่งส่งผลต่อการใช้พลังงานที่ลำโพงตัวนั้น ๆ จะต้องใช้ในการเปิดทำงานแต่ละครั้ง โดยในลำโพงรุ่นทั่วไปนั้นมักจะมีค่าความต้านทานอยู่ในระดับ 6 ถึง 8 โอห์ม ส่งผลให้ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังขับในการทำงานของตัวอุปกรณ์มากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับลำพงรถยนต์ที่มีออกวางจำหน่ายมาในขณะนี้ ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมค่าความต้านทานในระดับ 4 โอห์ม ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยแต่ก็เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็ก และมีขอบเขตที่จำกัดอยู่พอสมควร แต่หากคุณต้องการลดการใช้กำลังขับของตัวลำโพงให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่รถยนต์ให้ได้มากที่สุด ก็อาจมองหารุ่นที่มีค่าความต้านทานสูงกว่าระดับนี้ได้ด้วยนั่นเองครับ
5. เลือกดูจากขนาดของลำโพงที่ติดตั้งได้อย่างเหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ
ในปัจจุบันนี้รถยนต์จากแบรนด์ต่าง ๆ ถูกออกแบบและวางจำหน่ายออกมาอย่างมากมาย ซึ่งก็มีทั้งขนาดของตัวถังรถยนต์และขนาดของห้องโดยสาร ที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะการใช้งาน ส่งผลให้ขนาดของลำโพงที่เหมาะสำหรับการติดตั้งร่วมกันกับรถยนต์แต่ละรุ่น ก็จะต้องมีความแตกต่างกันออกไปตามขนาดของภายในรถยนต์ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเพื่อให้เลือกซื้อรุ่นที่เหมาะสมสำหรับคุณได้มากยิ่งขึ้น จึงควรมองหารุ่นที่มีขนาดไม่ใหญ่มากจนเกินไป สำหรับการติดตั้งภายในห้องโดยสารของคุณ แต่หากต้องการใช้งานรุ่นที่อยู่ในระดับมาตรฐาน ก็อาจใช้งานรุ่นตามขนาดที่ถูกติดตั้งมาให้ในรถยนต์แบบดั้งเดิมได้ด้วยเช่นกันครับ
Header text
บทสรุป
สำหรับการเลือก ซื้อลำโพงรถยนต์ ให้มีความคุ้มค่า และ ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ดีมากที่สุดนั้น หลัก ๆ แล้วเราอยากจะลองแนะนำให้พิจารณาดูจากรายละเอียดต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวไปในบทความช่วงที่ผ่านมาเสียก่อน เนื่องจากรายละเอียดต่าง ๆ ในแต่ละหัวข้อเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการใช้งานในสถานการณ์จริงระหว่างการขับขี่ด้วยกันทั้งสิ้น
โดยที่รายละเอียดต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวถึงไปนั้น จะประกอบไปด้วยเรื่องของกำลังในการขับสูงสุด ที่ตัวสินค้ารองรับการใช้งานได้, ช่วงถวามถี่สูงสุดที่สามารถตอบสนองในการเปิดฟังเพลงได้, ระดับความไวของเสียงที่ส่งผลต่อระยะในการส่งออกเสียงของตัวอุปกรณ์, ค่าความต้านทานที่มีผลต่อการใช้งานกำลังขับของตัวสินค้า และขนาดที่มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานภายในรถยนต์ ของคุณ นอกจากนี้ เพื่อให้ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่า กับ ระดับราคาที่คุณจำเป็นจะต้อจ่ายไปให้ได้มากยิ่งขึ้น ก็ควรพิจารณาถึงระดับราคาที่มีความคุ้มค่า และเหมาะสมกับรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้ถูกใส่มาให้ภายในด้วยเช่นกัน ซึ่งหากคุณได้ลองตัดสินใจในรายละเอียดเหล่านี้ อย่างถี่ถ้วนแล้ว การเลือกซื้อซักหนึ่งรุ่น ที่เหมาะสมกับคุณ จะทำได้อย่างง่ายดายและใช้ระยะเวลาไม่นานมากนักอย่างแน่นอนครับ