10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
หูฟังตัดเสียงรบกวน เป็นหนึ่งในประเภทของ หูฟังไร้สาย ที่มีความโดดเด่นสำคัญอยู่ในเรื่องของความสามารถในการฟังเพลงและรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ด้วยคุณภาพเสียงที่จัดอยู่ในระดับสูงสุด และป้องกันผลที่อาจเกิดจากเสียงรบกวนด้านนอกได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงผู้คน, เสียงรถยนต์, เสียงเครื่องจักร หรือแม้แต่เสียงรบกวนตามธรรมชาติอื่น ๆ ส่งผลให้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการอุปกรณ์ สำหรับเพิ่มอรรถรสและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการรับชมคอนเทนต์ให้มีคุณภาพและมีความสมจริงที่ดีมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในการฟังเพลง, เล่นเกม, รับชมวิดีโอบนแอปพลิเคชัน Youtube หรือติดตามซีรีย์ต่าง ๆ บนแอปพลิเคชัน Netflix การมองหา หูฟังตัดเสียงรบกวน เพื่อการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ก็นับเป็นสิ่งที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
และหากคุณเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่จัดอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้งานที่เราได้กล่าวไป ก็แนะนำให้ลองหาซื้อรุ่นใหม่ซักหนึ่งรุ่นจากบทความ แนะนำ หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023 ซึ่งเราได้เลือกรุ่นที่น่าซื้อมากที่สุด ในขณะนี้มาให้คุณได้ลองเลือกซื้อควบคู่ ไปกับการอธิบายรายละเอียดของสินค้าได้เลยครับ
10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
- Sennheiser Momentum 4 Wireless
- Sony WH-1000XM4
- Bose 700
- Apple AirPods Max
- Marshall MID Active Noise Cancelling
- Apple Airpods Pro
- Bowers & Wilkins PX7 S2
- Samsung Galaxy Buds Live
- Sony WF-1000XM4
- OPPO Enco Free True Wireless Headphones
Preview | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
ยี่ห้อ/รุ่น | Sennheiser Momentum 4 Wireless | Sony WH-1000XM5 | Bose 700 | Apple AirPods Max | Marshall MID Active Noise Cancelling | Apple Airpods Pro | Bowers & Wilkins PX7 S2 | Samsung Galaxy Buds Live | Sony WF-1000XM4 | Oppo Enco Free True Wireless |
น้ำหนักของหูฟัง | 294 กรัม | 249 กรัม | 255 กรัม | 384.8 กรัม | 272 กรัม | 51 กรัม | 307 กรัม | 53.8 กรัม | 41 กรัม | 48.2 กรัม |
การใช้งานแบตเตอรี่ | 60 ชั่วโมง | 30 ชั่วโมง | 20 ชั่วโมง | 20 ชั่วโมง | 20 ชั่วโมง | 4.5 ชั่วโมง | 30 ชั่วโมง | 21 ชั่วโมง | 24 ชั่วโมง | 25 ชั่วโมง |
ระบบเสียง | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS | Android และ iOS |
ใช้กับเครื่อง | Bluetooth 5.2 | Bluetooth 5.2 | Bluetooth 5.0 | Bluetooth 5.0 | - | Bluetooth 5.0 | Bluetooth 5.2 | Bluetooth 5.0 | Bluetooth 5.2 | Bluetooth 5.0 |
ลิงค์สินค้า |
1. Sennheiser Momentum 4 Wireless
★★★★★
หูฟังตัดเสียงรบกวน ที่สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ด้วยระยะเวลาการรับประกันสินค้าตลอด 2 ปี
ยี่ห้อ / รุ่น | Sennheiser Momentum 4 Wireless |
น้ำหนักของหูฟัง | 294 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 60 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.2 |
Sennheiser Momentum 4 Wireless นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับคนที่กำลังมองหา หูฟังตัดเสียงรบกวน ดี ๆ ซักหนึ่งรุ่น มาไว้ในการใช้งาน จากความโดดเด่นที่หลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่จะช่วยให้คุณใช้งานตัวหูฟัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการมาพร้อม แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตัวอุปกรณ์รองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 60 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวสินค้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไปจนถึงการถูกออกแบบมาพร้อม ระบบตัดเสียง รบกวนคุณภาพสูง เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมสิ่งต่าง ๆ ให้ดีได้กับคุณมากที่สุด รวมไปถึงยังเพิ่มความคุ้มค่าให้กับการใช้งานระยะยาวได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการแถมการรับประกันสินค้ามาให้ตลอด 2 ปีด้วยเช่นกัน
ข้อดี
✓ การรับประกันสินค้ายาวนานตลอด 2 ปี
✓ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงุสด 60 ชั่วโมง
✓ สามารถใส่การ์ด SD ในการฟังสิ่งต่าง ๆ ได้
ข้อเสีย
✘ ขนาดของส่วนหูค่อนข้างใหญ่พอสมควร
2. Sony WH-1000XM5
★★★★★
หูฟัง Sony พร้อมรูปลักษณ์ การออกแบบสุดคลาสสิก ที่มาพร้อมความสามารถแสดงผลเสียงระดับสูง
ยี่ห้อ / รุ่น | Sony WH-1000XM5 |
น้ำหนักของหูฟัง | 249 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 30 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.2 |
หูฟัง รุ่นนี้ เป็นตัวเลือกสินค้าจาก แบรนด์ Sony ที่รองรับการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง จากแบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งมาให้ภายใน ส่งผลให้คุณจะสามารถฟังเพลง หรือรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ยาวนานสูงสุดตลอด 30 ชั่วโมงอย่างเต็มคุณภาพ ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่ เพียงครั้งเดียว สำหรับความน่าสนใจของหูฟังตัวนี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องของระบบตัดเสียงรบกวน ที่ทำงานได้ด้วยการใช้ไมโครโฟนทั้งหมด 8 ตัว และชิปประมวลผลเสียง QN1 ซึ่งช่วยให้แสดงผลเสียงได้อย่างคมชัดและมีประสิทธิภาพในทุกรูปแบบ ที่สำคัญยังช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับเสียงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ข้อดี
✓ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 9 ชั่วโมง
✓ ระบบตัวเสียงรบกวนจากไมโครโฟน 8 ตัว
✓ การใช้งานแบบไร้สาย
ข้อเสีย
✘ ดีไซน์การออกแบบค่อนข้างเรียบง่าย
3. Bose 700
★★★★★
หูฟัง Bose พร้อมฟังก์ชัน ตัดเสียงรบกวน ที่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบสุดสวยงามหรูหรา
ยี่ห้อ / รุ่น | Bose 700 |
น้ำหนักของหูฟัง | 255 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
รุ่นนี้เป็น หูฟัง จากแแบรนด์ Bose ที่ถูกออกวางจำหน่ายมาให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า กับระดับราคาที่ออกวางจำหน่ายอย่างมาก ตั้งแต่เรื่องของดีไซน์การออกแบบ ที่ให้ความรู้สึกโดยรวมสุดสวยงามหรูหรา และมีรูปแบบสีให้เลือกใช้งานได้ทั้งหมดถึง 3 รูปแบบ ประกอบด้วย สี Black, Soapstone และ Luxe Silver ไปจนถึงประสิทธิภาพการแสดงผลเสียงระดับสูง ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งานในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีคุณภาพในระดับสูงสุด นอกจากนี้ในส่วนของระบบการตัดเสียงรบกวน ก็ยังมีระดับการทำงานที่หลากหลาย เพื่อรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ถึง 11 ระดับเลยทีเดียว
ข้อดี
✓ ความสามารถในการตัดเสียงรบกวน 11 ระดับ
✓ รูปแบบสีที่มีให้เลือกได้หลากหลาย
✓ ดีไซน์การออกแบบสวยงามหรูหรา
ข้อเสีย
✘ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องไม่ยาวนานมากนัก
4. Apple AirPods Max
★★★★★
หูฟัง Apple AirPods รุ่นประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด และมีรูปแบบสีให้เลือกซื้อได้หลากหลาย
ยี่ห้อ / รุ่น | Apple AirPods Max |
น้ำหนักของหูฟัง | 384.8 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
Apple AirPods Max จัดเป็น หูฟังแบบไร้สาย ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดของ Apple ในช่วงเวลานี้ ด้วยการถูกออกแบบมาเป็น หูฟัง แบบ Headphone ที่จะทำให้สามารถป้องกันเสียงรบกวน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากบริเวณโดยรอบได้เป็นอย่างดี และการใช้งานหน่วยประมวลผลเสียงคุณภาพสูง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ จากทาง Apple ในขณะที่ด้านของรูปลักษณ์ดีไซน์การออกแบบ ก็ยังให้ความรู้สึกที่ดูหรูหราทันสมัย จากส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ถูกเลือกใช้งานในตัวหูฟัง ยิ่งไปว่านั้นยังเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการมีตัวเลือกสีทั้งหมดถึง 5 รูปแบบอีกด้วย
ข้อดี
✓ ความสามารถในการแสดงผลเสียงระดับสูง
✓ รูปลักษณ์การออกแบบหรูหราล้ำสมัย
✓ จำนวนสีที่มีให้เลือกได้ถึง 5 รูปแบบ
ข้อเสีย
✘ ระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องที่ต่ำกว่ารุ่นอื่น ๆ
5. Marshall MID Active Noise Cancelling
★★★★★
หูฟัง Marshall ตัดเสียงรบกวน ประเภท Headphone แบบไร้สาย ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมสิ่งต่าง ๆ ให้ดีได้มากยิ่งขึ้น
ยี่ห้อ / รุ่น | Marshall MID Active Noise Cancelling |
น้ำหนักของหูฟัง | 272 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | – |
Marshall MID Active Noise Cancelling เป็น หูฟัง Headphone แบบไร้สาย ที่ไม่มีดีแค่เพียงการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ด้วยคุณภาพระดับสูงสุดเพียงเท่านั้น แต่ยังคงมีความโดดเด่น อยู่ในเรื่องของการสนทนาผ่านทาง หูฟัง ที่คมชัด จากไมโครโฟน 4 ตัวรอบตัว หูฟัง ที่ใช้สำหรับทั้งการตัดเสียงรบกวน และเพิ่มความลื่นไหลและคมชัดในการสนทนาด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเพื่อความง่ายดายในการสั่งใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของตัวอุปกรณ์ เช่น การเล่น-หยุดเพลง, การลด-เพิ่มเสียง หรือแม้แต่การกดรับ-วางสาย รุ่นนี้ก็ทำได้ผ่านการใช้งานปุ่ม Multi-Directional Contral Knob เพียงปุ่มเดียวเท่านั้นครับ
ข้อดี
✓ ปุ่ม Multi-Directional Contral Knob ที่ใช้สั่งการฟังก์ชันการควบคุมต่าง ๆ
✓ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน 20 ชั่วโมง
✓ ไมโครโฟน 4 ตัวในระบบตัดเสียงรบกวนและเพิ่มความคมชัดในการสนทนา
ข้อเสีย
✘ น้ำหนักค่อนข้างมากหากเทียบกับหูฟังแบบ In-Ear
6. Apple Airpods Pro
★★★★★
หูฟัง รุ่นยอดนิยม จากแบรนด์ Apple ดีไซน์การออกแบบสุดทียสมัย สามารถสวมใส่ต่อเนื่องได้ยาวนานโดยไม่ปวดหู
ยี่ห้อ / รุ่น | Apple Airpods Pro |
น้ำหนักของหูฟัง | 51 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 4.5 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
Apple Airpods Pro คือ หูฟังไร้สายแบบ In-Ear ประสิทธิภาพสูงสุด จากแบรนด์ Apple ที่คิดว่าไม่มีใครที่น่าจะไม่รู้จักกันอย่างแน่นอน จากความมีชื่อเสียงและความสามารถในการใช้งานที่ยอดเยี่ยมของตัวอุปกรณ์ ซึ่งป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้แบบมีคุณภาพ ด้วยการใช้งานชิปประมวลผลเสียง แบบ Apple H1 ที่มีความโดดเด่น ในการจัดการกับเสียงให้มีความหน่วงต่ำที่สุด และป้องกันการเกิดเสียงรบกวนในการใช้งานไปได้ในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นในด้านของดีไซน์การออกแบบก็นับว่ามีความหรูหราและดูมีราคา รวมไปถึงยังสวมใส่ต่อเนื่องได้ยาวนานโดยไม่เกิดอาการปวดหูอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ ดีไซน์การออกแบบดูหรูหราและสวยงามทันสมัย
✓ ชิปประมวลผลเสียงประสิทธิภาพสูง
✓ สวมใส่ได้สบายโดยไม่ปวดหู
ข้อเสีย
✘ อาจไม่สามารถใช้งานฟังก์ชันได้ทั้งหมดหากเป็นสมาร์ทโฟน Android
7. Bowers & Wilkins PX7 S2
★★★★★
หูฟังไร้สาย ดีไซน์การออกแบบสุดทันสมัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง
ยี่ห้อ / รุ่น | Bowers & Wilkins PX7 S2 |
น้ำหนักของหูฟัง | 307 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 30 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.2 |
Bowers & Wilkins PX7 S2 เรียกได้ว่าเป็น หูฟัง ที่มีความน่าสนใจ ตั้งแต่เรื่องของภาพลักษณ์การออกแบบ โดยรวมภายนอกของตัวสินค้า ที่ให้ความรู้สึกดูทันสมัยเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงมีความกะทัดรัด ส่งผลให้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ ด้วยความสะดวกสบายในระดับสูงสุดตามไปด้วยในเวลาเดียวกัน ในด้านของการใช้งานนั้นตัวสินค้า ก็ได้ถูกติดตั้งหน่วยประมวลผลคุณภาพเสียงระดับสูงมาให้ ส่งผลให้เมื่อใช้งานร่วมกันกับรายละเอียดอื่น ๆ จึงจะทำให้คุณได้รับชมทุกคอนเทนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งการฟังเพลง การรับชมคอนเทนต์สตรีมมิ่งต่าง ๆ ไปจนถึงการเล่นเกมในทุกสไตล์เลยทีเดียว
ข้อดี
✓ ขนาดกะทัดรัดสวมใส่สบาย
✓ รูปลักษณ์การออกแบบสวยงามล้ำสมัย
✓ ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพเสียงมากมาย
ข้อเสีย
✘ มีน้ำหนักพอสมควร
8. Samsung Galaxy Buds Live
★★★★★
หูฟัง Earbuds จากแบรนด์ Samsung ที่สามารถสวมใส่เพื่อฟังสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสบายโดยไร้เสียงรบกวน
ยี่ห้อ / รุ่น | Samsung Galaxy Buds Live |
น้ำหนักของหูฟัง | 53.8 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 21 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
Samsung Galaxy Buds Live นับเป็นตัวเลือกของสินค้าจากแบรนด์ Samsung ที่ถูกออกแบบมาอย่างแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ เมื่อเทียบกันกับตัวเลือกของสินค้ารุ่นอื่น ๆ ที่เราได้แนะนำไว้ให้กับคุณที่ผ่านมา ด้วยการเป็น หูฟัง Earbuds ที่ถูกออกแแบบมาพร้อมกันกับ เคสชาร์จ ซึ่งจะช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง ในหนึ่งรอบการชาร์จของแบตเตอรี่ ให้ได้มากยิ่งขึ้น สำหรับความน่าสนใจของ หูฟังตัดเสียงรบกวน ตัวนี้ จะเป็นการสวมใส่ที่สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย จากขนาดโดยรวมสุดเล็กกะทัดรัด และน้ำหนักของ หูฟัง แต่ละข้างเพียง 5.6 กรัม นอกจากนี้ก็ยังมีความหลากหลายของตัวเลือกสี ที่คุณสามารถเลือกซื้อได้ทั้งหมดถึง 3 รูปแบบด้วยเช่นกัน
ข้อดี
✓ การสวมใส่และใช้งานที่สะดวกสบาย
✓ ขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวก
✓ ระบบตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
✘ ไม่สามารถใช้งานได้ยาวนานมากนักในหนึ่งรอบการชาร์จ
9. Sony WF-1000XM4
★★★★★
หูฟังตัดเสียงรบกวนแบบไร้สาย ที่มาพร้อมขนาดเล็กกะทัดรัดและพกพาได้สะดวก
ยี่ห้อ / รุ่น | Sony WF-1000XM4 |
น้ำหนักของหูฟัง | 41 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 24 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.2 |
สำหรับรุ่นนี้เป็น หูฟัง ที่ถูกออกแบบมาในลักษณะของ in-ear ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการฟังสิ่งต่าง ๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลักได้ เป็นอย่างดี ในด้านของการเชื่อมต่อนั้นตัวสินค้า จะสามารถทำได้อย่างมีเสถียรภาพ ด้วยการใช้งานระบบ Bluetooth เวอร์ชัน 5.2 โดยความน่าสนใจของ หูฟัง ตัวนี้ จะเป็นเรื่องของระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง ที่สามารถทำได้สูงสุดตลอด 24 ชั่วโมง จากการใช้งานแบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งในหูฟังแต่ละข้างและเคสชาร์จ สำหรับในส่วนของการประมวลผลเสียง รุ่นนี้ก็ยังสามารถทำได้อย่างน่าสนใจ และตัดเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยม จากการทำงานของชิปประมวลผลเสียงแบบผสมผสายอย่าง Sony V1 ด้วยในเวลาเดียวกัน
ข้อดี
✓ ชิปประมวลผลเสียงแบบผสมผสานคุณภาพยอดเยี่ยม
✓ ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูงจากทาง Sony
✓ การสวมใส่ที่ทำได้สบายจากลักษณะหูฟังแบบ in-ear
ข้อเสีย
✘ การใช้งานต่อเนื่องที่ไม่ยาวนานมากนัก
10. Oppo Enco Free True Wireless
★★★★★
หูฟัง Oppo ไร้สายตัดเสียงรบกวน แบบ True Wireless ที่มีดีไซน์การออกแบบสุดหรูหรามีราคา และสวมใส่ได้ยาวนานโดยไม่ปวดหู
ยี่ห้อ / รุ่น | Oppo Enco Free True Wireless |
น้ำหนักของหูฟัง | 48.2 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 25 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
สุดท้ายเป็น หูฟัง รูปทรง Airpods ที่ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้อย่างยาวนานโดยไม่ปวดหู ด้วยน้ำหนักเบาสบายเพียง 4.6 กรัมต่อหนึ่งข้าง และการใช้วัสดุในการผลิตที่ดูไม่หนักมากจนเกินไป โดยที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดไปถึงสองวัน จากแบตเตอรี่เคสขนาดความจุ 410mAh และใช้งานต่อเนื่องต่อหนึ่งรอบการชาร์จได้มากถึง 5 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ของหูฟังที่มีอยู่ประมาณ 31mAh ที่สำคัญยังสั่งใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ง่ายด้วยการสไลด์ขึ้นลงและแตะที่ตัวอุปกรณ์ ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นจะต้องมีปุ่มกดสำหรับสั่งการการใช้งานของตัวหูฟังเลยแม้แต่ปุ่มเดียวนั่นเองครับ
ข้อดี
✓ การสั่งการผ่านระบบสัมผัส
✓ น้ำหนักหูฟังแต่ละข้างเพียง 4.6 กรัม
✓ การใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 25 ชั่วโมง
ข้อเสีย
✘ ขนาดค่อนข้างใหญ่หากเทียบกับหูฟังประเภทเดียวกัน
เลือกซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน อย่างไรดี
4 วิธีการ เลือกหูฟังตัดเสียงรบกวน
1. เลือกจากประเภทของหูฟัง
โดยปกติแล้วหูฟังที่มาพร้อมความโดดเด่นในเรื่องของการป้องกันเสียงรบกวน มักมาพร้อมดีไซน์การออกแบบทั้งหมด 2 ประเภท คือ
- หูฟังไร้สายแบบ In-Ear ที่มีจุดเด่นอยู่ในเรื่องของขนาดตัวอุปกรณ์สุดกะทัดรัด และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่เกิดอาการเมื่อยล้าบริเวณใบหู แต่จะวัดประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนจากการออกแบบจุกหูฟัง และการทำงานของหน่วยประมวลผลเสียงต่าง ๆ ใน
- ขณะที่หูฟังแบบ Headphone จะเป็นหูฟังไร้สายขนาดใหญ่ ที่ป้องกันการเกิดเสียงรบกวนได้แบบดีเยี่ยม จากการถูกออกแบบให้สวมใส่ครอบหูไปได้แบบสนิท ส่งผลให้ป้องกันเสียงรบกวนจากด้านนอกได้ดีมากกว่า แต่ด้วยน้ำหนักของตัวอุปกรณ์ที่มีอยู่ค่อนข้างมาก จะทำให้เมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก็อาจเกิดอาการเมื่อยล้าได้มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อตามประเภทของหูฟังให้เหมาะสมกับสไตล์การใช้งานของแต่ละคน ก็จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและมีคุณภาพมากที่สุดตามไปด้วยนั่นเองครับ
2. ตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของหูฟัง
เนื่องจาก หูฟัง เป็นอุปกรณ์เสริมแบบต่อพ่วง ที่จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บระหว่างการเดินทาง จึงทำให้การพิจารณาถึงขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสม ก็นับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไปไม่ได้เพื่อให้ได้รุ่นที่คุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน
เพราะหาก คุณเลือกรุ่น ที่มีขนาดใหญ่ และ มีน้ำหนักมากจนเกินไป ก็อาจมีผลโดยตรงให้การพกพาหรือจัดเก็บลงในกระเป๋าทำได้ยากและลำบากมากยิ่งขึ้น โดยหากต้องการเน้นจุดเด่นในด้านของการพกพาเป็นหลัก ก็อาจเลือก ซื้อหูฟัง ที่มาพร้อมกับ เคสชาร์จ เพื่อทำให้การจัดเก็บทำได้ง่าย
และสามารถชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้ต่อเนื่องในการใช้งานระหว่างวัน หรือหากต้องการเน้นไปในเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก ก็อาจเลือกเป็นหูฟังแบบครอบหูที่ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี และมักใช้งานระบบเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าก็ได้ด้วยเช่นกันครับ
3. พิจารณาระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องของแบตเตอรี่
หูฟังตัดเสียงรบกวน ในปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นหูฟังแบบไร้สาย ที่จำเป็นจะต้องชาร์จแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานด้วยกันทั้งสิ้น เป็นผลให้การพิจารณาถึงความจุแบตเตอรี่ของตัวหูฟัง ก็เรียกได้ว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันกับเรื่องอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย
เพื่อให้หูฟังรุ่นนั้น ๆ รองรับการใช้งานต่อเนื่องไปได้ยาวนานตลอดวัน แต่ในบางครั้งการได้มาซึ่งแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ และระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนาน ก็อาจทำให้จำเป็นต้องแลกมาด้วยขนาดและน้ำหนักของตัวหูฟังที่มากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งในบางครั้งก็อาจจำเป็นต้องใช้งานรุ่นที่มาพร้อมเคสชาร์จ สำหรับการสำรองแบตเตอรี่เพื่อให้ใช้งานได้ในหลาย ๆ รอบ ซึ่งคุณสามารถเลือกให้เหมาะสมตามความต้องการของคุณได้เลยครับ
4. ให้ความสำคัญฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ เพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบทั้งการฟังเพลง, การดูวิดีโอบน Youtube และการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านทาง Netflix การเลือกซื้อหูฟังตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพการใช้งานยอดเยี่ยม และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครันรอบด้าน จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้คุณใช้งานในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีแบบไร้ที่ติมากที่สุด
จากความสามารถของตัวอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมา สำหรับรองรับการใช้งานในด้านนี้โดยตรง และการมาพร้อมฟังก์ชันหรือคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ โดยที่ในด้านของการเลือกซื้อก็ควรเริ่มต้นจากสิ่งที่มีความสำคัญในการใช้งาน
เช่น ประเภทของหูฟัง, ขนาดและ น้ำหนักของตัว หูฟัง และการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนานจากขนาดความจุของแบตเตอรี่ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
แล้วจึงให้ความสนใจไปในด้านของระดับราคารองลงมา เพื่อให้เลือกซื้อรุ่น ที่ต้องการได้ดีและคุ้มค่ามาก ที่สุด ซึ่งหากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือก ซื้อ หูฟัง Noise Cancelling รุ่นไหนดี ในปี 2020 นี้ รุ่นที่คุณกำลังมองหาอยู่อาจจะเป็น 1 ใน 10 รุ่น ที่เราได้รวบรวมมาให้คุณในบทความนี้ก็เป็นได้ครับ
บทสรุป
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบทั้งการฟังเพลง, การดูวิดีโอบน Youtube และ การรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านทาง Netflix การเลือก ซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานยอดเยี่ยม และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครันรอบด้าน จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้คุณใช้งานในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีแบบไร้ที่ติมากที่สุด
จากความสามารถของตัวอุปกรณ์ ที่ถูกออกแบบมา สำหรับรองรับการใช้งานในด้านนี้โดยตรง และการมาพร้อมฟังก์ชันหรือ คุณสมบัติอื่น ๆ ที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
โดยที่ในด้านของการเลือกซื้อ ก็ควรเริ่มต้นจากสิ่งที่มีความสำคัญในการใช้งาน เช่น ประเภทของหูฟัง, ขนาดและน้ำหนักของตัวหูฟัง และการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนานจาก ขนาดความจุของแบตเตอรี่ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วจึงให้ความสนใจไปในด้านของระดับราคารองลงมา
เพื่อให้เลือกซื้อรุ่น ที่ต้องการได้ดีและ คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งหากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือก ซื้อหูฟัง Noise Cancelling รุ่นไหนดี ในปี 2023 นี้ รุ่นที่คุณกำลังมองหาอยู่อาจจะเป็น 1 ใน 10 รุ่น ที่เราได้รวบรวมมาให้คุณในบทความนี้ก็เป็นได้ครับ