iPhone 12 ครั้งแรกของ Apple กับการเปิดตัว สมาร์ทโฟน 5G ที่มีรุ่นย่อยให้ได้เลือกซื้อทั้งหมด
ครั้งแรกของ Apple กับการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ที่มีรุ่นย่อยให้ได้เลือกซื้อทั้งหมด
iPhone 12 เป็นซีรีย์สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดจากทางแบรนด์ Apple ที่พึ่งจะเปิดตัวไปล่าสุดในช่วงกลางเดือนตุลาคมของปี 2020 ที่ผ่านมานี้ ด้วยสเปกระดับสุดยอดที่จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ทั้งในการถ่ายภาพ การบันทึกวิดีโอ และการใช้งานทั่วไปในด้านต่าง ๆ โดยในช่วงเวลาก่อนการเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีย์นี้ นับว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากสำนักข่าวไอทีทั่วโลก เนื่องจากข่าวหลุดต่าง ๆ ที่ถูกปล่อยออกมาสู่โลกออนไลน์มากมาย ซึ่งทำให้เราอดใจแทบจะไม่ไหวที่จะได้สัมผัสตัวเครื่องจริงที่กำลังจะวางขายในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ และหากคุณยังคงสงสัยว่า iPhone 12 มีอะไรที่น่าดึงดูดให้คุณจำเป็นต้องซื้อเมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นอื่น ๆ แล้ว วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันในช่วงต่อไปของบทความนี้ครับ
ชิปประมวลผล Apple A14 Bionic
ในทุกรุ่นของ iPhone ที่เปิดตัวมาในแต่ละปีจะต้องมาพร้อมกันกับชิปเซ็ตประจำรุ่น ซึ่งจะถูกพัฒนามาแบบก้าวกระโดดอยู่เสมอ โดยในครั้งนี้ก็เป็นคิวของชิปประมวลผล Apple A14 ชิปเซ็ตของเครื่องสมาร์ทโฟนบนสถาปัตยกรรมแบบ 5 นาโนเมตร ที่มีความแรงเป็นอันดับหนึ่งของโลกในขณะนี้ ด้วยการถูกพัฒนาให้มีความเร็วในการประมวลผล และความสามารถในการประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่าง Apple A13 Bionic ที่เคยเป็นรุ่นท็อปสุดของโลกในปี 2019 ถึง 40 เปอร์เซ็น ส่งผลให้ในส่วนของการประมวลผลข้อมูลและการจัดการกับพลังงานตัวเครื่อง iPhone รุ่นนี้เรียกว่าทำได้ดีแบบไร้ที่ติแน่นอนครับ
ดีไซน์แบบใหม่ใกล้เคียงกับ iPhone รุ่นแรก ๆ
หลังจากการเปิดตัว iPhone 6 ในช่วงปี 2014 ที่ผ่านมา ทำให้ iPhone แทบทุกรุ่นหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนดีไซน์การออกแบบให้มีความโค้งมนและจับถือได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงมีผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยที่ต้องการ iPhone ในดีไซน์สุดคลาสสิกและดูหรูหราเช่นเดียวกันกับ iPhone 4, 4S, 5 และ 5S ซึ่งหากคุณเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ iPhone 12 Series ที่พึ่งเปิดตัวมาล่าสุดในปี 2020 นี้ จะต้องทำให้คุณคิดถึง iPhone เครื่องเก่า ที่คุณเคยใช้งานในช่วงนั้นแน่นอนครับ
การเปิดตัวรุ่นย่อยให้เลือกซื้อได้มากถึง 4 รุ่น
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนให้ความสนใจ iPhone 12 ก่อนที่จะถูกเปิดมาอน่างเป็นทางการ คือ จำนวนรุ่นย่อยที่ครั้งนี้ Apple ได้ทำแยกออกมาให้เราได้เลือกซื้อทั้งหมดถึง 3 รุ่น ที่มีความโดดเด่น ความน่าสนใจ และความเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้ผู้บริโภคอย่างเราสามารถเลือกซื้อตามความต้องการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยแต่ละรุ่นที่เปิดตัวออกมาจะมีรายละเอียดของสเปกเครื่อง กล้องถ่ายภาพ และรายละเอียดหลักในด้านอื่น ๆ ดังนี้ครับ
เป็น iPhone ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาที่สุดที่ Apple เคยเปิดตัวและออกวางจำหน่าย โดยจะเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นอยู่ในเรื่องของการพกพาที่ทำได้ง่าย และการใช้งานตัวเครื่องที่ทำได้เพียงแค่มือเดียว แต่ก็จะยังคงมีหน้าจอที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ส่งผลให้เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหา iPhone ขนาดพกพาที่กินพื้นที่ในการจัดเก็บน้อยสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และคุณผู้ชายที่ต้องการพกพามือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อในการเดินทางครับ | |
ชิปประมวลผล | Apple A14 Bionic แบบ Hexa Core |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 14 |
จอแสดงผล | Super Retina XDR |
ขนาดหน้าจอ | 5.4 นิ้ว |
ความละเอียดกล้องหน้า | 12 ล้านพิกเซล |
ความละเอียดกล้องหลัง | 12 และ 12 ล้านพิกเซล |
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด | 4K |
น้ำหนัก | 133 กรัม |
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น | IP68 ที่ความลึก 6 เมตรภายในเวลา 30 นาที |
เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นธรรมดาในซีรีย์นี้ ที่ใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้แบบลื่นไหลไม่ติดขัด ด้วยสเปกที่จัดเต็มมาให้มีความใกล้เคียงกับรุ่นโปรมากที่สุด ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมือถือสเปกสูง ๆ ที่มีราคาตัวเครื่องย่อมเยาลงมากว่าตัวโปรเล็กน้อย และไม่ได้เน้นการถ่ายภาพในมุมมองที่หลากหลายมากเท่าไหร่นัก แต่ยังคงมีคุณภาพที่ไม่แพ้กันกับกล้องรุ่นโปรครับ | |
ชิปประมวลผล | Apple A14 Bionic แบบ Hexa Core |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 14 |
จอแสดงผล | Super Retina XDR |
ขนาดหน้าจอ | 6.1 นิ้ว |
ความละเอียดกล้องหน้า | 12 ล้านพิกเซล |
ความละเอียดกล้องหลัง | 12 และ 12 ล้านพิกเซล |
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด | 4K |
น้ำหนัก | 162 กรัม |
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น | IP68 ที่ความลึก 6 เมตรภายในเวลา 30 นาที |
สำหรับรุ่นนี้นับเป็นหนึ่งใน iPhone รุ่นท็อปสุด ที่มีความแรงจัดอยู่ในระดับสูงสุดของมือถือจากแบรนด์ Apple แต่จะมีการออกแบบหน้าจอให้มีขนาดที่เล็กลง เพื่อให้การพกพาทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่น Pro Max ซึ่งก็เป็นส่วนที่ทำให้ตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ที่ลดลงจากตัว Pro Max อีกเล็กน้อยด้วยเช่นกัน แต่สำหรับคนที่เน้นมือถือในสเปกระดับท็อปสุด ที่ยังคงพกพาได้ง่ายและมีความโดดเด่นในการถ่ายภาพ รุ่นนี้นับเป็นรุ่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ | |
ชิปประมวลผล | Apple A14 Bionic แบบ Hexa Core |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 14 |
จอแสดงผล | Super Retina XDR |
ขนาดหน้าจอ | 6.1 นิ้ว |
ความละเอียดกล้องหน้า | 12 ล้านพิกเซล |
ความละเอียดกล้องหลัง | 12, 12 และ 12 ล้านพิกเซล + 3D LiDAR Scanner |
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด | 4K |
น้ำหนัก | 187 กรัม |
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น | IP68 ที่ความลึก 6 เมตรภายในเวลา 30 นาที |
นับเป็นรุ่นท็อปสุดอย่างแท้จริงสำหรับคนที่ต้องการมือถือประสิทธิภาพสูงสุด ที่กำลังวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้จากแบรนด์ Apple ซึ่งเรียกว่าทำได้ดีและใช้งานได้ลงตัวกับผู้ใช้งานแทบทุกคน ทั้งในส่วนของสเปก กล้องถ่ายภาพ แบตเตอรี่ และความละเอียดในการแสดงผลของหน้าจอ จึงเหมาะกับคนที่มีต้องการมือถือสเปกสูงสุด เพื่อการใช้งานที่มีคุณภาพในทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตครับ | |
ชิปประมวลผล | Apple A14 Bionic แบบ Hexa Core |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 14 |
จอแสดงผล | Super Retina XDR |
ขนาดหน้าจอ | 6.7 นิ้ว |
ความละเอียดกล้องหน้า | 12 ล้านพิกเซล |
ความละเอียดกล้องหลัง | 12, 12 และ 12 ล้านพิกเซล + 3D LiDAR Scanner |
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด | 4K |
น้ำหนัก | 126 กรัม |
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น | IP68 ที่ความลึก 6 เมตรภายในเวลา 30 นาที |
iphone 12 สี ใหม่ ที่มีให้เลือกได้ทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่นโปร
ทุกรุ่นของ iPhone ที่เปิดตัวมาอยู่เป็นประจำในทุกปีนั้น ล้วนแล้วแต่มีสีชูโรงซึ่งถูกออกแบบมาอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยกันทั้งสิ้น เป็นผลให้ในปี 2020 นี้ iPhone 12 เองก็จะต้องมีสีใหม่เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเองด้วยเช่นกัน โดยในสีของ iPhone 12 และ iPhone 12 mini นั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 สี ประกอบด้วย สีขาว, สีดำ, สีแดง, สีเขียว และสีไฮไลท์ของปีนี้อย่างสีน้ำเงิน ส่วนในรุ่น iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 4 สี ประกอบด้วย สีกราไฟต์, สีเงิน, สีทอง และสีใหม่ล่าสุดอย่างสีแปซิฟิกบลูครับ
ครั้งแรกกับการเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นที่มีขนาดความจุ 128 GB ของรุ่นโปร
ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ขนาดความจุเริ่มต้นของเครื่อง iPhone แทบทุกรุ่น มักจะเริ่มต้นตั้งแต่ 64 GB เป็นต้นไป ซึ่งถือว่าเป็นขนาดพื้นฐานที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ก็ยังไม่เหมาะกับการใช้งานในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานหลายปีมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากในยุคปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นเหมือนสิ่งหนึ่ง ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากทั้งในการเรียน การทำงาน หรือการใช้งานไลฟ์สไตล์ทั่วไป จากข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกจัดเก็บในเครื่องสมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ iPhone รุ่นโปรในปี 2020 นี้ถูกเปิดตัวรุ่นแรกมาด้วยขนาดความจุเพิ่มขึ้นเป็น 128 GB เพื่อรองรับการใช้งานและการจัดเก็บข้อมูล ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นประจำของผู้ใช้งานในทุกวัน และเมื่อเทียบราคาเปิดตัวกับขนาดความจุเริ่มต้นของ iPhone 12 Pro และ iPhone 11 Pro ก็ถือว่ามีความคุ้มค่ามากขึ้นอยู่ไม่น้อยกับขนาดความจุที่เพิ่มมากอีกหนึ่งเท่าในราคาที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ
ราคาเปิดตัวและขนาดความจุของ iPhone แต่ละรุ่น
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องการทราบในการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น จะเป็นในเรื่องของ ราคา เปิดตัวที่เราจำเป็นจะต้องจ่ายในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นที่ต้องการ โดยหากพูดถึงราคาเปิดตัว iPhone รุ่นย่อยในปีนี้ ก็นับว่ามีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมาอยู่พอสมควร จากจำนวนรุ่นที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมอีกหนึ่งรุ่นย่อย ซึ่งหากคุณต้องการทราบขนาดความจุและราคา iPhone แต่ละรุ่น เราจะขอรวบรวมออกมาให้คุณได้ลองเลือกชมแบบเข้าใจง่ายดังต่อไปนี้ครับ
LiDAR Scanner สำหรับใช้งานเทคโนโลยี AR
เพื่อการใช้งานเทคโนโลยี Augment Reality หรือ AR ให้ดีมากยิ่งขึ้น iPhone 12 Pro ยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุแบบ LiDAR Scanner ที่ถูกใส่มาให้ครั้งแรกใน iPad Pro รุ่นปี 2020 ซึ่งถูกเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมานี้ด้วยเช่นกัน โดยหลักการทำงานของเซ็นเซอร์ตัวนี้จะเป็นการวัดระยะแสงที่สะท้อนออกมาโดยตรงจากวัตถุ เพื่อเป็นการตรวจสอบลักษณะของสิ่งนั้น ๆ สำหรับใช้ประโยชน์ในด้านการถ่ายภาพและการแสดงผลสิ่งต่าง ๆ ส่งผลให้เมื่อคุณต้องการซื้อสินค้าใด ๆ ก็ตามผ่านช่องทางออนไลน์ เซ็นเซอร์ตัวนี้ก็จะช่วยแสดงผลสินค้านั้น ๆ ผ่านทางหน้าจอเครื่องสมาร์ทโฟนของคุณด้วยขนาดจริงของสินค้า และทำให้คุณสามารถเห็นสินค้านั้นได้อย่างสมจริงโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางออกไปนอกบ้านเลยแม้แต่นาทีเดียวครับ
เป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับการใช้งาน 5G
iPhone 12 Series เป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ Apple ที่มีการใช้งานมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายระดับ 5G ซึ่งมีความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว เพื่อให้คุณสามารถท่องโลกออนไลน์ รับชมวิดีโอคอนเทนต์ หรือใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียออนไลน์ต่าง ๆ ได้ด้วยความเร็วสูงสุดในระดับ Gigabyte ส่วนในเรื่องของการใช้งาน 5G ในประเทศไทยนั้นถึงแม้ว่าจะยังคงไม่มีความหลากหลายมากนัก แต่ก็คาดว่าจะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน ส่งผลให้การเลือกใส่มาตรฐานความเร็วระดับ 5G ของเครื่อง iPhone ในปีนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้มีความน่าสนใจและน่าซื้ออยู่ไม่น้อย หากเทียบกับราคาเปิดตัวของ iPhone รุ่นนี้ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมาเพียงเล็กน้อยในแต่ละรุ่นครับ
บทส่งท้าย
หากคุณต้องการใช้งาน iPhone รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดจากแบรนด์ Apple ในขณะนี้ iPhone 12 จะต้องเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ดีที่สุดอย่างแน่นอน จากสเปกและชิปเซ็ตระดับสูงสุด กล้องถ่ายภาพ ระดับโปร และจำนวนรุ่นย่อยที่มีให้เลือกซื้อได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน และเพื่อเลือกซื้อ iPhone รุ่นนี้ให้คุ้มค่ากับการใช้งานของคุณให้มากที่สุด เราก็ขอแนะนำให้ลองตรวจสอบจากโปรโมชันมือถือหรือร้านค้าตัวแทนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่กำลังจัดโปรโมชันแข่งขันกันอย่างดุเดือดในท้องตลาดขณะนี้ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มค่าในด้านของราคามากที่สุด ซึ่งการเลือกซื้อตัวเครื่องจากร้านเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ