10 ลำโพง ซาวด์บาร์ Sound Bar ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
ในยุคที่การรับชมภาพยนตร์บน Netflix และ Youtube หรือการรับชมวิดีโอผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ต่าง ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในชีวิตประจำวันของหลากหลาย ที่ทำได้ง่ายผ่านโทรทัศน์เพียงเครื่องเดียว จึงเป็นสิ่งที่ทำให้อุปกรณ์เสริมของโทรทัศน์อย่าง ลำโพงต่อทีวี ที่ช่วยให้คุณสามารถรับชมวิดีโอคอนเทนต์ต่าง ๆ จากที่บ้านได้อย่างมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น เริ่มได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานทั้งในด้านของคุณภาพเสียง ระดับเสียง หรือแม้แต่ความสมจริงของสิ่งที่คุณกำลังรับชมได้แบบมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยหนึ่งใน ลำโพงทีวี ที่ใช้งานได้ลงตัวกับทีวีมากที่สุด ก็คือ Sound bar ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานด้านนี้ได้อย่างตรงจุด รวมไปถึงยังช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างในด้านเสียง จากการรับชมผ่านโทรทัศน์เพียงแค่เครื่องเดียวอีกด้วยครับ
10 Sound Bar ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
- B&O
- JBL Cinema SB160
- Harman Kardon SB20
- KLIPSCH BAR 40
- JBL Bar 2.0
- LG SOUND BAR SL4
- Sony HT-S100F
- Samsung HW-Q60R/XT
- Xiami Redmi TV Sound Bar
- LG SOUNDBAR SK1.ATHALLK
1. B&O Sound Bar Speaker
★★★★★
ลำโพง Sound Bar คุณภาพเสียงสูง ช่วยให้คุณรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านโทรทัศน์ได้ด้วยความสมจริง และได้รับประสบการณ์ที่ดีมากที่สุดในทุกครั้งที่เปิดใช้งาน
ยี่ห้อ/รุ่น | B&O Sound Bar Speaker |
ระบบเสียง | Dolby Atmos |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 550W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI ARC, HDMI IN, Line in 3.5 mm และ Eternal |
สำหรับรุ่นแรกเป็น ซาวด์บาร์ คุณภาพยอดเยี่ยม ที่รองรับการเชื่อมต่อกับโทรทัศน์สมัยใหม่ได้แทบจะทุกรุ่น โดยให้ความละเอียดเสียงในการรับชมสูงสุดในทุกครั้งที่เปิดใช้งาน มาพร้อมดีไซน์สุดเรียบง่าย ที่เหมาะกับ การตกแต่งห้องใน ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยตัวเครื่องที่ถูกแบบมาให้จัดวางบนพื้น หรือติดตั้งบนผนังกำแพงได้อย่างลงตัว ใช้พื้นที่การวางไม่มาก รวมไปถึงยังให้ความรู้สึกหรูหรา ได้จากวัสดุผ้า Kvadrat ที่ใช้คลุมทับบริเวณตัวเครื่องด้วยเช่นกัน
ส่วนปุ่มกดในการใช้งานจะอยู่บริเวณด้านข้างของตัวเครื่อง และสั่งการฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ด้วยรีโมททีวีและสมาร์ทโฟน ผ่านทางพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ HDMI ARC สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมแบบไร้สาย ได้ง่ายดายผ่านระบบ Bluetooth 4.2 รวมไปถึงยังรองรับการใช้งานระบบ AirPlay 2, Chromecast และ Beolink multiroom ระบบเชื่อมต่อของทางแบรนด์เองได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ก็นับว่าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยี Dolby Atmos ซึ่งเหมาะทั้งกับการรับชมภาพยนตร์ หนัง ไปจนถึงการรับชมคอนเสิร์ตของศิลปินที่คุณชื่นชอบครับ
ข้อดี
✓ คุณภาพเสียงในระดับยอดเยี่ยม
✓ การเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบ
✓ การสั่งการได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน
ข้อจำกัด
✘ มีลำโพงเพียงแค่ตัวเดียว
2. JBL Cinema SB160
★★★★★
Sound bar ดีไซน์สุดทันสมัย ระบบเสียงนุ่มนวล เหมาะกับการรับชม Netflix และ Youtube เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ง่ายผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป
ยี่ห้อ/รุ่น | JBL Cinema SB160 |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 220W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | Optical และ HDMI ARC |
Sound bar จากแบรนด์ชื่อดังระดับโลก JBL รุ่นนี้ มีจุดเด่นหลักอยู่ที่ระบบเสียงแบบ Dolby Digital ซึ่งถูกออกแบบมาคุณให้ได้รับประสบการณ์ในการรับชมวิดีโอ ทั้งภาพยนตร์บน Netflix หรือ Youtube ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกเรื่อง มาพร้อมช่องเชื่อมต่อสองรูปแบบผ่านทาง Optical และ HDMI ARC ส่งผลให้สั่งการฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ ได้รวดเร็ว และง่ายดายผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือรีโมทคอนโทรล นอกจากนี้ด้วยการทำงานของซับวูฟเฟอร์แบบไร้สาย ที่ช่วยดึงประสิทธิภาพของการแสดงผลเสียงแบบ Deep Bass ได้แบบยอดเยี่ยม ยังทำให้คุณรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยคุณภาพ และความสมจริงมากสุด เท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงยังเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไร้สายต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล ด้วยระบบการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ทั้งจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต บนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ไปจนถึงแล็ปท็อปหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ PC ที่รองรับการใช้งานในระบบการเชื่อมต่อแบบดังกล่าวครับ
ข้อดี
✓ ระบบเสียงคุณภาพสูง
✓ รองรับการเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์
✓ สั่งการได้ง่ายผ่านทางสมาร์ทโฟน
ข้อจำกัด
✘ ใช้พื้นที่จัดวางค่อนข้างมาก
3. Harman Kardon SB20
★★★★★
ลำโพงทีวี ประสิทธิภาพสูงใช้งานได้อย่างลงตัวกับทีวีแทบทุกรุ่น และมีคุณภาพเสียงในการใช้งานจัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยม
ยี่ห้อ/รุ่น | Harman Kardon SB20 |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 300W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI ARC, Optical, Aux 3.5 mm |
ลำโพงซาวด์บาร์ เครื่องนี้ เป็นลำโพงจากแบรนด์ Harman Kardon ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากอยู่ในเรื่องของระบบเสียง ส่งผลให้อุปกรณ์ตัวดังกล่าวมีความโดดเด่นกว่ารุ่นอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย ด้วยระบบเสียงแบบ Dolby Digital ที่ถูกปรับแต่งเพิ่มเติมจากตัวแบรนด์เอง โดยในด้านของไซน์การออกแบบค่อนข้างมีความเรียบง่าย
แต่ยังคงความทันสมัยและดูมีราคาไปในขณะเดียวกัน ทำให้จัดวางไว้ได้ทั้งภายในบ้าน หรือทุกห้องได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการวางไว้ใกล้เคียงกับ ทีวี หรือจะเป็นการลดพื้นที่การจัดวางโดยติดไว้กับบริเวณผนัง ก็สามารถทำได้จากน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป ส่วนในด้านการใช้งานก็มาพร้อมปุ่มสั่งการบนตัวลำโพง และเพิ่มความสะดวกสบายได้มากยิ่งขึ้น จากรีโมทคอนโทรลที่ถูกออกแบบมาให้สั่งการฟังก์ชันต่าง ๆ ได้แบบรวดเร็วและง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้นยังควบคุมระบบเสียงแบบอัตโนมัติได้ ผ่านระบบ Harman Volume ทั้งในส่วนของระดับเสียง คุณภาพเสียง หรือย่านความถี่เสียง ช่วยให้ทุกวิดีโอมีระดับเสียงใกล้เคียงกัน ป้องกันการเกิดเสียงดังของระดับเสียงวิดีโอที่แตกต่างกัน และยังทำให้คุณได้รับชมเสียงของวิดีโอ ที่ดีที่สุดไปได้ในขณะเดียวกันครับ
ข้อดี
✓ ระบบเสียงประสิทธิภาพสูง
✓ รองรับการเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์หลายประเภท
✓ ระบบปรับระดับเสียงแบบอัตโนมัติ
ข้อจำกัด
✘ ไม่รองรับการสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน
4. KLIPSCH BAR 40
★★★★★
ซาวด์บาร์ พร้อมซับวูฟเฟอร์ แบบไร้สาย มาพร้อมเทคโนโลยีด้านระบบเสียงมากมาย ที่ช่วยให้การรับชมคอนเทนต์มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น
ยี่ห้อ/รุ่น | KLIPSCH BAR 40 |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 320 W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI ARC, Bluetooth, 3.5 Analog และ Optical Digital |
KLIPSCH BAR 40 เป็น ลำโพง อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจจากแบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา ด้วยการใช้งานมาตรฐานระบบเสียงแบบ Dolby ทำงานร่วมกันกับซับวูฟเฟอร์ไร้สายความละเอียดเสียงระดับสูง ช่วยให้คุณสามารถสัมผัสกับระดับเสียง ที่มีความแตกต่างจากการรับชมภาพยนตร์ ฟังเพลง และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ผ่านเพียงโทรทัศน์เครื่องเดียวอย่างชัดเจน
ด้วยเทคโนโลยี Tractrix Horn 90×90 ซึ่งช่วยให้ได้รับเสียงคอนเทนต์ที่สมจริง อีกทั้งยังให้รายละเอียดต่าง ๆ ภายในภาพยนตร์แบบครบถ้วนไปในเวลาเดียวกัน โดยในด้านการเชื่อมต่อทำได้กับโทรทัศน์แทบทุกรุ่น ผ่านทางพอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้งจาก HDMI ARC, Bluetooth, 3.5, Analog และ Optical Digital รวมไปถึงยังช่วยให้คุณสตรีมมิ่งคอนเทนต์ต่าง ๆ จากบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปได้ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญด้วยดีไซน์บางเฉียบ ยังทำให้จัดวางได้เหมาะสม ทั้งกับทุกไลฟ์สไตล์การแต่งห้อง ได้อย่างสวยงามลงตัวมากเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ ดีไซน์บางเฉียบดูทันสมัย
✓ เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลาย
✓ ให้เสียงในการรับชมที่มีความสมจริง
ข้อจำกัด
✘ ไม่รองรับการสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน
5. JBL Bar 2.0
★★★★★
ลำโพง Sound bar ดีไซน์คลาสสิก รองรับการเชื่อมได้อย่างหลากหลายผ่านอุปกรณ์ทุกแพล็ตฟอร์ม สามารถสร้างประสบการณ์การรับชมทุกคอนเทนต์ได้ด้วยคุณภาพสูงสุด
ยี่ห้อ/รุ่น | JBL Bar 2.0 |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 80W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI ARC, Optical และ Bluetooth |
ลำโพงต่อทีวี หรือ ซาวด์บาร์ รุ่นต่อมาเป็นอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ JBL ที่มาพร้อมมาตรฐานการใช้งานระดับสูง ช่วยได้คุณรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้แบบมีคุณภาพและสมจริง รวมไปถึงช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชม ให้ใกล้เคียงกับการอยู่ในสถานที่จริงไปในขณะเดียวกัน
ด้วยระบบเสียงแบบ Dolby Digital คุณภาพสูง ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ง่ายดาย ผ่านทางพอร์ตเชื่อมต่อ HDMI ARC และ Optical รวมไปถึงยังเชื่อมต่อแบบไร้สายบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ผ่านระบบ Bluetooth 4.2 ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เหมาะกับการรับชมวิดีโอบน Youtube และฟังเพลงบนแอปพลิเคชันต่าง ๆ
ซึ่งทำได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด ยิ่งไปว่านั้นด้วยการทำงานของระบบกระจายเสียงแบบรอบทิศทาง ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแบรนด์ JBL หรือ JBL Surround Sound ยังช่วยให้เสียงที่ส่งออกมากระจายออกไปได้ทั่วถึงในทุกมุมห้องอีกด้วย จึงนับเป็นหนึ่งในซาวด์บาร์ราคาเข้าถึงได้ง่าย ที่มีสเปกน่าสนใจในการเลือกใช้งานอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ ขนาดเล็กกะทัดรัดจัดวางได้ง่ายไม่เกะกะ
✓ ระบบ Dolby Digital คุณภาพเสียงสูง
✓ รองรับแอปพลิเคชันได้หลากหลาย
ข้อจำกัด
✘ ไม่มีซับวูฟเฟอร์สำหรับเพิ่มระดับเสียง
6. LG SOUND BAR SL4
★★★★★
Sound bar พร้อมซับวูฟเฟอร์สำหรับกระจายเสียง มีฟังก์ชันการควบคุมการแสดงผลเสียง ให้รับชมได้อย่างเหมาะสมในทุกวิดีโอคอนเทนต์
ยี่ห้อ/รุ่น | LG SOUND BAR SL4 |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 300W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI, Optical และ Bluetooth |
LG SOUND BAR SL4 เป็นลำโพงสำหรับทีวี ที่ทำงานกับซับวูฟเฟอร์ความละเอียดเสียงสูง ทำให้เสียงที่ส่งออกมามีความแม่นยำไม่ผิดเพี้ยน และมีเสียงชัดสดใสใกล้เคียงกับความเป็นจริง มาพร้อมระบบการทำงานต่าง ๆ มากมาย ช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ไร้ที่ติ ทั้งในการรับชมภาพยนตร์และการฟังเพลง
โดยจุดเด่นของซาวด์บาร์รุ่นนี้ คือ ฟังก์ชัน Adaptive Sound Control ระบบควบคุมการแสดงผลเสียงแบบอัตโนมัติ สำหรับปรับแต่งเสียงของคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมกับการรับชมแบบลงตัวมากที่สุด ส่งผลให้คุณสามารถได้รับความรู้สึกในการรับชมวิดีโอต่าง ๆ อย่างมีคุณภาพ และสมจริงในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนในด้านของการเชื่อมต่อ ก็ทำได้หลากหลายผ่านพอร์ตการเชื่อมต่อแบบมาตรฐาน ทั้งพอร์ตเชื่อมต่อแบบ HDMI, Optical และ Bluetooth ซึ่งทำให้ลำโพงตัวดังกล่าวรองรับการใช้งานได้กับอุปกรณ์ในแทบทุกแพล็ตฟอร์มครับ
ข้อดี
✓ มีซับวูฟเฟอร์ช่วยเพิ่มพลังการขับเคลื่อนเสียงได้อีกกว่า 200 วัตต์
✓ ระบบควบคุมระดับเสียงแบบอัตโนมัติ
✓ ความแม่นยำเสียงคมชัดไม่ผิดเพี้ยน
ข้อจำกัด
✘ ไม่รองรับการสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน
7. Sony HT-S100F
★★★★★
ลำโพงซาวด์บาร์ เน้นเบส ความละเอียดเสียงสูงจากแบรนด์ Sony ช่วยเพิ่มคุณภาพการรับชมคอนเทนต์ ให้คุณเพลินเพลินไปได้กับทุกประเภทวิดีโอ
ยี่ห้อ/รุ่น | Sony HT-S100F |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | – |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI, Optical, USB-A และ Bluetooth |
Sony HT-S100F คือ ลำโพงสำหรับต่อกับทีวี ที่มีดีไซน์สุดสวยงามทันสมัย และรองรับการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้มากมาย ด้วยการสั่งการผ่านรีโมทคอนโทรลเพียงตัวเดียว ส่งผลให้คุณใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย จากความง่ายในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ โดยในด้านความสามารถในการกระจายเสียง
ใช้งานเป็นลำโพงแบบ Bass Reflex 2 แชนแนล เพื่อให้เสียงเบสที่หนักแน่นเหมาะกับการฟังเพลง ไม่เสียรายละเอียดของเสียง และช่วยให้มีเสียงคมชัดสดใส รวมไปถึงยังมีความเป็นเซอร์ราวด์รอบทิศทางไปในเวลาเดียวกัน จึงเหมาะทั้งสำหรับการรับชมภาพยนตร์จากด้านหน้า และการฟังเพลงที่ต้องการให้มีเสียงดังกระจายไปได้ในทุกมุมห้อง
นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในความพิเศษที่น่าสนใจ คือ เทคโนโลยี S-force front surround ระบบเสียงเช่นเดียวกันกับในโรงภาพยนตร์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ตัวลำโพงทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มประสบการณ์ในการรับชม ไปจนถึงอรรถรสในด้านเสียง ให้มีความคมชัดและสมจริงไปในเวลาเดียวกันอย่างมีคุณภาพมากที่สุดครับ
ข้อดี
✓ ระบบเสียงแบบเซอร์ราวด์รอบทิศทาง
✓ ลำโพงประเภทเน้นเบสหนัก
✓ รูปทรงกะทัดรัดไม่กินพื้นที่การจัดวาง
ข้อจำกัด
✘ ไม่มีซับวูฟเฟอร์ช่วยในการกระจายเสียง
8. Samsung SOUNDBAR HW-Q60/XT
★★★★★
Samsung Sound bar รูปลักษณ์สุดทันสมัย มาพร้อมจุดเด่นในการแสดงผลเสียงแบบเซอร์ราวด์รอบทิศทาง สามารถรับชมทุกวิดีโอได้ด้วยความสมจริง และความระเอียดเสียงระดับสูงสุด
ยี่ห้อ/รุ่น | Samsung SOUNDBAR HW-Q60/XT |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 360W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI-CEC, Optical และ Bluetooth |
Sound bar รุ่นนี้มีความโดดเด่นอยู่ในเรื่องของระบบการกระจายเสียงแบบเซอร์ราวด์รอบทิศทาง ส่งผลให้คุณรับชมภาพยนตร์ทั้งบน Netflix, Youtube และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้ด้วยคุณภาพเสียงสุด มาพร้อมจุดเด่นอยู่ในระบบการทำงานต่าง ๆ อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Samsung Acoustic Beam ระบบเสียงที่เชื่อมต่อโดยตรงกับภาพ ที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์, Adaptive Sound สำหรับเพิ่มความคมชัดของเสียงแบบอัตโนมัติ ช่วยสร้างเสียงในทุกการรับชมให้มีความเท่าเทียมกัน
Game Mode Pro โหมดพิเศษในการเล่นเกม ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถแสดงเอฟเฟกต์เสียงในเกมได้อย่างคมชัด เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้คุณมีส่วนร่วมได้มากที่สุด และระบบ HDR 10 ที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อการแสดงผลภาพและวิดีโอผ่านตัวเครื่องได้ ด้วยประสิทธิภาพในการแสดงผลเสียงที่ยอดเยี่ยม โดยในด้านของมาตรฐานการรับชม ได้รับการปรับแต่งเสียงและทดสอบโดยตรงจาก California Audio Lab ด้วยวิศวกรด้านเสียง ที่ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบทันสมัยมากที่สุด จึงมั่นใจได้ในทุกการใช้งานของลำโพงซาวด์บาร์ตัวนี้ครับ
ข้อดี
✓ สั่งการผ่านแอปพลิเคชันได้
✓ ระบบประระดับความดังเสียงอบบอัตโนมัติ
✓ มี Game Mode Pro สำหรับเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม
ข้อจำกัด
✘ ไม่มีซับวูฟเฟอร์สำหรับช่วยกระจายเสียง
9. Xiaomi Redmi TV Sound Bar
★★★★★
ลำโพงต่อทีวี ราคาสบายกระเป๋าจากแบรนด์ Xiaomi ดีไซน์สุดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถจัดวางบนโต๊ะ หรือติดตั้งบนผนังได้แบบไม่กินพื้นที่
ยี่ห้อ/รุ่น | Xiaomi Redmi TV Sound Bar |
ขนาดลำโพง | 6.3 x 78 x 64 cm. |
แขวนผนัง , วางบนชั้นวางได้ | ✓ |
หากคุณกำลังมองหาลำโพงทีวีที่มีราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า และมีน้ำหนักเบาสามารถติดตั้งบนผนัง หรือจัดวางได้อย่างลงตัวในทุกมุมบ้าน Xiaomi Redimi TV Sound Bar ตัวนี้นับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย จากดีไซน์สุดกะทัดรัดไม่กินพื้นที่การจัดวาง และน้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม ช่วยให้ติดตั้งได้ทุกสถานที่แบบไม่ติดขัด
โดยในด้านของฟังก์ชันการใช้งานและระบบต่าง ๆ ก็ เรียกว่าจัดเต็มมาให้แบบครบครันรอบด้าน ทั้งการเชื่อมต่อที่ทำได้รวดเร็ว และมีเสถียรภาพผ่านระบบ Bluetooth 5.0 ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อได้ในระยะค่อนข้างไกล ช่วยให้คุณสตรีมมิ่งเพลง วิดีโอ และภาพถ่ายได้จากทุกห้องภายในบ้านของคุณ ที่สำคัญด้วยลำโพงในการกระจายเสียง ที่ให้มาด้วยกันทั้งหมดถึง 2 ตัวขนาด 45 x 80 มิลลิเมตร
ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ได้คุณภาพและระดับเสียงคมชัด ถึงแม้จะมีกำลังขับเคลื่อนเสียง ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 30W ก็ตาม ส่งผลให้รุ่นนี้เป็นหนึ่งในรุ่นยอดฮิต ที่มีผู้ใช้งานหลายคนหามาใช้ภายในบ้านของตัวเองในปัจจุบันนี้ครับ
ข้อดี
✓ น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายได้ง่าย
✓ ดีไซน์กะทัดรัดไม่กินพื้นที่การจัดวาง
✓ ลำโพงสองตัวช่วยเพิ่มความสามารถในการแสดงผลเสียง
ข้อจำกัด
✘ กำลังขับเคลื่อนเสียงน้อย
10. LG SOUNDBAR SK1
★★★★★
Sound bar ดีไซน์คลาสสิกเหมาะกับการติดตั้งในทุกมุมบ้าน และสั่งการได้ง่ายผ่านรีโมทคอนโทรลเพียงอันเดียว
ยี่ห้อ/รุ่น | LG SOUNDBAR SK1 |
ระบบเสียง | Dolby Digital |
กำลังขับเคลื่อนเสียง | 40W |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI, Optical และ Bluetooth |
ในรุ่นสุดท้ายเป็น ซาวด์บาร์ สุดคุ้มค่า ที่ถูกผลิตขึ้นจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า LG ซึ่งมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานภายในประเทศไทย ในเรื่องของคุณภาพและการแสดงผลเสียง ที่นับว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม จึงทำให้ LG SOUNDBAR SK1 ก็ มีจุดเด่นสำคัญ อยู่ในเรื่องของการส่งออกเสียง ที่มีประสิทธิภาพตามไปด้วยเช่นกัน
โดยที่ในด้านของดีไซน์มีความเรียบง่าย และมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะกับการจัดแต่งของห้องร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ในหลากหลายรูปแบบ และเคลื่อนย้ายได้ง่ายจากน้ำหนักเบาเพียง 2 กิโลกรัม ส่วนในเรื่องของการเชื่อมต่อเพื่อสตรีมมิ่งวิดีโอหรือเพลง ก็ทำได้ไม่ยากด้วยระบบเชื่อมต่อแบบ Bluetooth นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน LG Sound Sync ช่วยให้คุณสั่งใช้งานตัวเครื่องได้ ด้วยรีโมทคอนโทรลอันเดียวกันกับทีวี LG ลดความสับสนวุ่นวายในการเลือกใช้งานรีโมทคอนโทรลไปได้มากเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ ใช้งานรีโมทคอนโทรลอันเดียวกันกับทีวี LG ได้
✓ ดีไซน์เรียบง่ายจัดวางร่วมกันได้กับทุกเฟอร์นิเจอร์ในทุกมุมบ้าน
✓ สตรีมมิ่งวิดีโอ เพลง และภาพถ่ายได้ง่ายผ่านระบบเชื่อมต่อแบบ Bluetooth
ข้อจำกัด
✘ กำลังขับเคลื่อนเสียงค่อนข้างน้อย
วิธีการเลือก ซื้อ Sound bar
4 วิธีการเลือกซื้อ
1. พิจารณาระบบเสียงที่น่าสนใจ
ระบบเสียงที่ได้รับความนิยมกับการใช้งานร่วมกันกับ Sound bar ในขณะนี้ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ประเภท คือ ระบบเสียงแบบ Dolby Digital และ Dolby Atmos โดยที่ Dolby Atmos จะเป็นระบบเสียงที่มีความทันสมัยมากกว่า ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ในเรื่องของมิติเสียง ที่ทำได้ในหลากหลายทิศทาง ช่วยให้ความสมจริงในการรับชมที่มากกว่า จึงส่งผลให้ในการเลือกซื้อ หากต้องการความคมชัด และความสมจริงในระดับสูงสุด ก็ควรเลือกใช้งานเป็นระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ที่มีการพัฒนาขึ้นมามากกว่านั่นเองครับ
2. เลือกจากความสมจริงในการแสดงผลเสียง
หากคุณต้องการให้เสียงของภาพยนตร์มีความสมจริง และให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าได้เข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้นจริง ๆ ก็ควรให้ความสนใจไปในเรื่องของการแสดงผลเสียง ที่มีความสำคัญอย่างมากต่ออรรถรสในการรับชม โดยหากต้องการให้ได้รับประสบการณ์ในการรับชมที่ดีมากที่สุด คุณควรเลือกรุ่นที่มี เสียงแบบเซอร์ราวด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยให้คุณ สามารถรับชมเสียงได้จากรอบทิศทาง ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดไปในภาพยนตร์ ที่คุณกำลังรับชมอยู่จนแทบจะแยกไม่ออกเลยทีเดียวครับ
3. ให้ความสนใจในเรื่องของดีไซน์การออกแบบและน้ำหนัก
มีผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยในปัจจุบัน ที่ให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะแสดงออกได้โดยตรงถึงรสนิยมของเจ้าของบ้าน ส่งผลให้หลายคนค่อนข้างซีเรียสเป็นอย่างมาก ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบและรูปลักษณ์ของ ซาวด์บาร์ จึงทำให้รุ่นที่มีดีไซน์การออกแบบ ที่รองรับการตกแต่งห้องได้ในทุกไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงรุ่นที่มีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายได้ง่ายกลายเป็นรุ่นยอดฮิต ที่มีผู้สนใจอยู่เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกันครับ
4. เลือกจากความสะดวกสบายในการสั่งการฟังก์ชันต่าง ๆ
ในปัจจุบัน สมาร์ทโฟน นับเป็นสิ่ง ที่เข้าไปร่วมอยู่ในหลากหลายเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นในการเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันอย่างการรับชมโทรทัศน์ ที่ทำงานควบคู่ไปกับอุปกรณ์เสริมแบบซาวด์บาร์เอง ก็ตาม ทำให้การเลือกใช้งานรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ และสั่งการฟังก์ชันต่าง ๆ บน สมาร์ทโฟน ได้ผ่านทางระบบ Bluetooth นับเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
บทสรุป
Sound bar เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมของโทรทัศน์ ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ดีเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านของความคมชัด และความสมจริงของทั้งภาพยนตร์หรือเพลงบนแอปพลิเคชันต่าง ๆ แต่ด้วยตัวเลือกของอุปกรณ์ตัวนี้ ซึ่งนับว่ามีให้เลือกอยู่มากมายตามท้องตลาด จึงทำให้การเลือกซื้อสามารถทำได้ยากมากยิ่งขึ้น โดยจากที่ได้กล่าวไปในข้างต้น หากคุณเป็นหนึ่งในคน ที่กำลังมองหาซาวด์บาร์ ตัวใหม่ สำหรับใช้งานร่วมกันกับ ทีวี เพื่อรับชมภาพยนตร์ในช่วงวันหยุดของคุณ เราขอแนะนำให้คุณลองเลือกซื้อ จาก 10 รุ่นที่เราได้เลือกมาให้ในครั้งนี้ได้เลยครับ