แนะนำ 10 Switch Hub ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้การ Switch Hub คือ อุปกรณ์ ที่เป็นตัวกลางสำหรับการส่งออกข้อมูลของคอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่องในแต่ละสถานที่ ซึ่งจะช่วยให้แต่ละอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อ ร่วมกับผ่านทาง Hub ตัวนี้ สามารถรับเข้าและส่งออกข้อมูลระหว่างกันได้โดยตรง ด้วยความปลอดภัย ของการถ่ายโอนข้อมูล ที่มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการส่งผลข้อมูล โดยตรงแบบไม่จำเป็นต้องใช้งาน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต นั่นเอง ส่วนในเรื่องของสถานที่ ที่มักจะใช้งานอุปกรณ์ ประเภทนี้ หลัก ๆ แล้วจะเป็นในอาคารของสำนักงาน หรือ ออฟฟิตขนาดใหญ่ ที่จะต้องมีการรับ-ส่งข้อมูล ในระหว่างวัน เป็นจำนวนมาก และ ต้องการเพิ่มความปลอดภัย ให้มากยิ่งขึ้นสำหรับข้อมูล ที่จะต้องจัดการภายในองค์กร
ซึ่งหากกล่าวถึงตัวเลือกของสินค้า ที่มีออกมาให้เราเลือกซื้อกันได้ในช่วงเวลา ปัจจุบันนี้ จะมีความหลากหลายเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของ คุณภาพสินค้า, วัสดุที่ใช้ในการผลิต, จำนวนช่องในการเชื่อมต่อ และ ระดับราคา ส่งผลให้ในการตัดสินใจเลือกซื้อ รุ่นที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานซักหนึ่งรุ่น ก็จะสามารถทำได้อย่างหลาหกลายตามความต้องการของแต่ละสถานที่ที่ต้องการใช้งานด้วยเช่นกัน
แต่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อ นับว่ามีองค์ประกอบ ที่มากกว่าการเลือกซื้อสินค้า ที่มีลักษณะโดยรวมใกล้เคียงกัน อยู่พอสมควร รวมไปถึงยังทำให้การพิจารณาเลือกซื้อรุ่นที่มีความเหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ก็จัดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบากมากยิ่งขึ้นด้วย เช่นกัน
ดังนั้น เพื่อให้การเลือกซื้อสินค้าของคุณสามารถทำได้รวดเร็วและง่ายดายมากสุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ในวันนี้ทางเราจึงได้รวบรวม 10 สินค้า น่าสนใจในราคา ที่เข้าถึงได้ง่าย มาให้คุณลองเลือกซื้อไปพร้อมกันกับการแนะนำ รายละเอียด และวิธีการเลือกซื้อ ในบทความ ช่วงต่อไปนี้
แนะนำ 10 Switch Hub ยี่ห้อไหนดี ในปี 2023
- LINKSYS LGS116P
- HIKVISION DS-3E1510P-SI
- FU SWAI 1008
- DAHUA AI-DH-PFS3010-8ET-96
- Hamrol POE Switch 48V with 8 100Mbps
- TP-Link TL-SG105
- DGS-1008A
- Tenda SG105
- TP-Link TL-SG1005D
- D-Link DES-1005C
1. LINKSYS LGS116P
★★★★★
Switch Hub รุ่นระดับสูงขนาด 16 ช่องเชื่อมต่อ ที่รับ-ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดระดับ 1 Gbps
ยี่ห้อ / รุ่น | LINKSYS LGS116P |
ขนาดสินค้า | 288 x 132 x 26 มิลลิเมตร |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 16 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.3, 802.3u, 802.3x, 802.3ab, 802.3az, 802.3af และ 802.3at |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | 80 วัตต์ |
รุ่นแรก เป็นรุ่นระดับสูง ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้งาน ระดับยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้รองรับการใช้งานใน สถานการณ์ต่าง ๆ ขององค์กรขนาดใหญ่ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากจำนวนช่องเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ให้มา 16 ช่อง, ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดที่รองรับได้ 1 Gbps, มาตรฐานเครือข่ายการเชื่อมต่อ ที่รองรับหลากหลายรูปแบบ หรือแม้แต่กำลังไฟฟ้าสูงสุดในการทำงานที่ใช้เพียง 80 วัตต์ เป็นต้นครับ
ข้อดี
✓ จำนวนช่องเชื่อมต่อที่ให้มาสูงสุด 16 ช่อง
✓ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุด 1 Gbps
✓ รองรับมาตรฐานเครือข่ายการเชื่อมต่อได้หลากหลายรูปแบบ
ข้อพิจารณา
✘ –
2. HIKVISION DS-3E1510P-SI
★★★★★
อุปกรณ์ สำหรับเชื่อมต่อ เพื่อรับ-ส่งข้อมูล ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ของพื้นที่ที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น
ยี่ห้อ / รุ่น | HIKVISION DS-3E1510P-SI |
ขนาดสินค้า | 217.6 x 108.55 x 27.8 มิลลิเมตร |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 10 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | – |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.3af และ 802.3at |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | 120 วัตต์ |
HIKVISION DS-3E1510P-SI เป็นอุปกรณ์ สำหรับเชื่อมต่อ รับ-ส่งข้อมูล ที่ถูกออกแบบ มาเพื่อเพิ่มความสะดวก สบายในการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ ด้วยการทำงานของช่องเชื่อมต่อที่ให้มาทั้งหมด 10 ช่อง ซึ่งจะถูกแบ่งแยกออกมาเป็นช่องส่งข้อมูล 8 ช่อง และช่องเสียบสาย LAN อีก 2 ช่อง ที่ถือว่ารองรับการใช้งานกับอาคารสำนักงานขนาดทั่วไปได้เพียงพอแล้วครับ
ข้อดี
✓ ใช้พื้นที่ในการจัดวางไม่มากจนเกินไป
✓ ช่องเชื่อมต่อที่ให้มาจำนวนมาก
✓ เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดค่อนข้างใหญ่
ข้อพิจารณา
✘ –
3. FU SWAI 1008
★★★★★
Hub สำหรับการรับ-ส่งข้อมูล รุ่นขนาดมาตรฐาน ที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายพื้นที่ได้อย่างลงตัว
ยี่ห้อ / รุ่น | FU SWAI 1008 |
ขนาดสินค้า | 227 x 230 x 48 มิลลิเมตร |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 10 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.3i, 802.3u, 802.3x, 802.3af และ 802.3at |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | 96 วัตต์ |
ต่อมาเป็นสินค้ารุ่นระดับสูง ที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกพื้นที่ ได้เป็นอย่างดี ด้วยรายละเอียดภายในส่วนต่าง ๆ ที่ทางแบรนด์ได้ติดตั้ง มาให้กับเราภายในของตัวอุปกรณ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้ตัวเครื่องรองรับการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นด้วยกันทั้งสิ้น และเพื่อเพิมความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อให้มากยิ่งขึ้น ตัวอุปกรณ์จึงยังมีการออกแบบ พอร์ด แบบ LAN มาให้เราสามารถใช้งานกันได้อีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ ช่องเชื่อมต่อที่ให้มาทั้งหมด 2 รูปแบบ
✓ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุด 1 Gbps
✓ จำนวนช่องเชื่อมต่อค่อนข้างมาก
ข้อพิจารณา
✘ –
4. DAHUA AI-DH-PFS3010-8ET-96
★★★★★
Switch Hub ดีไซน์ การออกแบบ สุดเรียบง่าย ที่มีการติดตั้งช่องเชื่อมต่อความเร็วสูงมาให้ทั้งหมด 2 รูปแบบ
ยี่ห้อ / รุ่น | DAHUA AI-DH-PFS3010-8ET-96 |
ขนาดสินค้า | 190 x 100 x 30 มิลลิเมตร |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 10 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.3, 802.3u และ 802.3ux |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | 60 วัตต์ |
DAHUA AI-DH-PFS3010-8ET-96 จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ถูกออกแบบมา ให้เราสามารถใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น จากการทำงานของ พอร์ต เชื่อมต่อ 2 รูปแบบ ที่ได้ถูกติดตั้งมาให้พร้อมกันกับตัวอุปกรณ์ ซึ่งจะถูกแบ่งแยกออกมาได้เป็นพอร์ตมาตรฐาน 8 ช่อง ที่ทำความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลได้สูงสุด 100 Mbps และพอร์ตความเร็วสูงที่รองรับความเร็วในการส่งข้อมูลได้สูงสุด 1,000 Mbps ครับ
ข้อดี
✓ จำนวนช่องเชื่อมต่อค่อนข้างหลากหลาย
✓ ความเร็วสูงสุดในการเชื่อมต่อ 1 Gbps
✓ ใช้กำลังไฟฟ้าไม่สูงมากรัก
ข้อพิจารณา
✘ ดีไซน์การออกแบบค่อนข้างมีความเรียบง่าย
5. Hamrol POE Switch 48V with 8 100Mbps
★★★★★
อุปกรณ์สำหรับโอนถ่ายข้อมูลแบบ 10 ช่องเชื่อมต่อ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในออฟฟิตและอาคารสำนักงานหลากหลายขนาด
ยี่ห้อ / รุ่น | Hamrol POE Switch 48V with 8 100Mbps |
ขนาดสินค้า | 140 x 200 x 45 มิลลิเมตร |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 10 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 100 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.3af และ 802.3at |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | – |
Hamrol POE Switch 48V with 8 100Mbps เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่มีการแบ่งแยกฟังก์ชันในการเชื่อมต่อเช่นเดียวกันกับในหลาย ๆ รุ่นที่ผ่านมา โดยที่ในส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อหลัก ๆ ที่ได้ถูกแบ่งแยกออกมาให้เราใช้งานกันได้นั้น จะประกอบไปด้วย พอร์ต Ethernet ที่ใช้สำหรับการส่งผ่านข้อมูล และ พอร์ต LAN ที่จะใช้สำหรับ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ผ่านทาง Router ครับ
ข้อดี
✓ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลายรูปแบบ
✓ พอร์ตเชื่อมต่อที่ถูกแบ่งแยกออกมาเป็น 2 ประเภท
✓ จำนวนช่องเชื่อมต่อทั้งหมด 10 ช่อง
ข้อพิจารณา
✘ ความเร็วสูงสุดในการรับ-ส่งข้อมูลเพียง 100 Mbps
6. TP-Link TL-SG105
★★★★★
Hub คุณภาพสูงจากแบรนด์ TP-Link ที่สามารถทำความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้สูงสุด 1,000 Mbps
ยี่ห้อ / รุ่น | TP-Link TL-SG105 |
ขนาดสินค้า | – |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 5 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.1p/DSCP QoS* and IGMP Snooping function |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | – |
สำหรับรุ่นนี้ จะเป็นรุ่นขนาดเล็กที่ ถูกออกแบบมา เพื่อการใช้งานภายในบ้าน หรือ อาคารสำนักงานขนาดเล็ก ที่จะต้องมีการถ่ายโอนข้อมูล ร่วมกันในปริมาณ ที่ไม่มากนัก และถึงแม้ในภาพรวมจะรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เพียงแค่ไม่กี่เครื่อง แต่ในด้านของความเร็วในการเชื่อมต่อนั้น จะทำได้สูงสุดที่ ความเร็วระดับ 1,000 Mbps ส่งผลให้ในระหว่างการใช้งานคุณจะจัดการข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วแน่นอนครับ
ข้อดี
✓ ประหยัดพลังงานได้มากกว่ารุ่นอื่น ๆ
✓ รองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลายมาตรฐาน
✓ ใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องตั้งค่าการใช้งาน
ข้อพิจารณา
✘ จำนวนช่องเชื่อมต่ออาจไม่เพียงพอสำหรับบางพื้นที่
7. DGS-1008A
★★★★★
อุปกรณ์ สำหรับเป็น ตัวกลาง ในการเชื่อมต่อพอร์ต ที่รองรับการถ่ายโอนข้อมูลของอุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 8 เครื่อง
ยี่ห้อ / รุ่น | DGS-1008A |
ขนาดสินค้า | – |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 8 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | – |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | – |
หากคุณกำลังมองหา Switch Hub ที่สามารถตอบโจทย์ การรับ-ส่งข้อมูล ปริมาณมากในพื้นที่จำกัดได้อย่างเพียงพอ รุ่นนี้น่าจะจัดเป็นหนึ่งในรุ่นที่ตอบโจทย์การเลือกซื้อของคุณได้ดีเป็นอย่างมาก จากมาตรฐานความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล ที่สามารถทำได้ในความเร็วสูงสุดระดับ Gbps นอกจากนี้ก็ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์หลัก เพื่อถ่ายโอนข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 8 เครื่องเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ จำนวนช่องเชื่อมต่อที่ให้มาทั้งหมด 8 ช่อง
✓ ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระดับสูง
✓ ใช้พื้นที่ในการจัดวางไม่มากนัก
ข้อพิจารณา
✘ พอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาเพียงรูปแบบเดียว
8. Tenda SG105
★★★★★
อุปกรณ์ส่งผ่านข้อมูลรุ่นขนาดเล็กกะทัดรัด ที่สามารถส่งออกข้อมูลทุกช่องได้ด้วยความเร็วระดับ Gbps
ยี่ห้อ / รุ่น | Tenda SG105 |
ขนาดสินค้า | – |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 5 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | – |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | – |
หากคุณกำลังมองหารุ่นขนาดเล็ก ที่สามารถใช้งานในหลากหลายพื้นที่ ได้อย่างเหมาะสม ภายในปี 2023 สินค้าตัวนี้จะนับเป็นหนึ่งในรุ่น ที่คุณไม่ควรมองข้ามไปในการเลือกซื้อ เลยแม้แต่น้อย จากรายละเอียดโดยรวมในส่วนต่าง ๆ ที่ถูกจัด มาให้เราใช้งาน กันได้ใน ระดับมาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้นในด้านของความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล รุ่นนี้ก็ยังทำได้สูงสุดถึง 1,000 Mbps ทั้ง 5 ช่องเชื่อมต่อเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ รองรับการถ่ายโอนความเร็วสูงที่ช่องเชื่อมต่อ
✓ ความเสถียรในการถ่ายโอนข้อมูลระดับสูง
✓ ประหยัดพื้นที่ในการจัดวางได้เป็นอย่างดี
ข้อพิจารณา
✘ ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่
9. TP-Link TL-SG1005D
★★★★★
Hub สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล รุ่นขนาดเล็ก ที่จัดวาง ได้อย่างลงตัวโดยไม่กินพื้นที่มากจนเกินไป
ยี่ห้อ / รุ่น | TP-Link TL-SG1005D |
ขนาดสินค้า | – |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 5 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 1,000 Gbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | IEEE 802.3x |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | – |
TP-Link TL-SG1005D จัดเป็น Switch Hub ที่จะช่วยให้คุณถ่ายโอนข้อมูล ต่าง ๆ ได้รวดเร็วและ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากความสามารถโดยรวมของตัวอุปกรณ์ และ รายละเอียดการทำงานในส่วนต่าง ๆ ที่สำคัญตัวอุปกรณ์ยัง มีจุดเด่นสำคัญ อยู่ในด้านของการจัดการพลังงาน ด้วยการทำงานของตัวอุปกรณ์ที่จะไม่ทำการส่งออกกระแสไฟฟ้าไปยังช่อง ที่ไม่ได้มีการเชื่อมต่อเพื่อถ่ายโอนข้อมูลอยู่ ส่งผลให้เมื่อทำการเปิดใช้งานตัวอุปกรณ์ จะประหยัดพลังงานได้มากขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูง
✓ ความสามารถในการประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
✓ เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านและอาคารสำนักงานขนาดเล็ก
ข้อพิจารณา
✘ ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่
10. D-Link DES-1005C
★★★★★
Switch Hup รุ่นระดับมาตรฐานจากแบรนด์ D-Link ที่รองรับการถ่ายโอนข้อมูลทุกรูปแบบได้ดีในระดับมาตรฐาน
ยี่ห้อ / รุ่น | D-Link DES-1005C |
ขนาดสินค้า | – |
จำนวนช่องเชื่อมต่อ | 5 ช่อง |
ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุด | 100 Mbps |
มาตรฐานเครือข่ายที่รองรับ | – |
กำลังไฟฟ้าสูงสุด | – |
สุดท้ายเป็น รุ่นราคา ประหยัด ที่รองรับการใช้งานของสถานที่ขนาดเล็ก ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นภายในบ้าน, คอนโด หรือแม้แต่อาคารสำนักงานที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ด้วยการใช้งานช่องเชื่อมต่อ ความเร็ว 100 Mbps ที่ถูกติดตั้งมาให้ทั้งหมด จำนวน 5 ช่อง ส่วนในเรื่องของการจัดวาง ก็ยังทำได้อย่างประหยัด ด้วยขนาดโดยรวมที่ไม่มากจนเกินไปอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก
✓ ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระดับมาตรฐาน
✓ ใช้พื้นที่ในการจัดวางไม่สูงมากนัก
ข้อพิจารณา
✘ รูปแบบพอร์ตเชื่อมต่อไม่หลากหลายมากนัก
พื้นที่ที่ควรใช้งานตัวเพิ่มช่องสายแลน ( Switch Hub )
จากที่เราได้กล่าว ไปแล้วว่าตัวเพิ่มช่องสายแลน ( Switch Hub ) เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่อโครงสร้างข้อมูลขององค์กร ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น จึงทำให้หลัก ๆ แล้วสถานที่ที่ควรเลือกซื้อสินค้าตัวดังกล่าววไปไว้เพื่อการใช้งานนั้น จึงมักจะเป็นอาคารสำนักงานต่าง ๆ ที่จะต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอในทุกวัน เนื่องจากการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้จะช่วยให้การรับ-ส่งข้อมูลมีความรวดเร็วปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อมูลระหว่าง เครื่องคอมพิวเตอร์ PC , แล็ปท็อป, กล้องวงจรปิด , โทรทัศน์ หรือแม้แต่ อุปกรณ์สำหรับสำรองข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายองค์กร ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการดำเนินงานของบริษัทตน แต่นอกจากอุปกรณ์ ตัวดังกล่าวจะถูกออกแบบ มาสำหรับการใช้งานในรูปแบบที่เราได้กล่าวไปแล้ว ในปัจจุบันก็ยังมีสินค้ารุ่นขนาดเล็กลงมาก ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักอย่าง บ้าน หรือ ห้องคอนโด ที่ต้องการอุปกรณ์สำหรับการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ในสามารถส่งหากันได้ง่ายดาย มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกันครับ
วิธีเลือกซื้อตัวเพิ่มช่องสายแลน ( Switch Hub )
1. เลือกมาตรฐานเครือข่ายที่รองรับได้ในการเชื่อมต่อ
สิ่งแรกที่คุณควรให้ความสำคัญใน การเลือก ซื้อ Switch Hub ซักหนึ่งรุ่น จะเป็นในส่วนของมาตรฐานเครือข่ายที่รองรับได้ในการเชื่อมต่อ ของ Hub ตัวนั้น ๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่มีผลโดยตรงต่อเสถียรภาพและความเร็วใน การรับ-ส่งข้อมูล ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นที่รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อที่ทันสมัยได้มากกว่า ก็จะต้องทำงานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าตามไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นในการเลือกซื้อ จึงควรมองหารุ่นที่มาพร้อมมาตรฐาน ในการเชื่อมต่อระดับสูงสุดเท่า ที่จะเป็นไปได้ เพราะจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ การเชื่อมต่อเพื่อรับ-ส่งข้อมูลส่วนต่าง ๆ ภายในบ้านหรืออาคารสำนักงานของคุณทำได้รวดเร็ว และ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังจะช่วยให้การใช้งานในลักษณะที่เราได้กล่าวไปมีความปลอดภัย ที่มากยิ่งขึ้นในเวลาเดียวกันด้วยครับ
2. พิจารณาจำนวนช่องเชื่อมต่อที่ถูกติดตั้งมาให้
ในแต่ละที่ที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อ จะมีความต้องการในการใช้งานช่องเชื่อมต่อที่แตกต่างกันออกไปตามขนาดของพื้นที่ และจำนวนอุปกรณ์ที่มีอยู่ภายในของสถานที่นั้น ๆ ซึ่งก็ส่งผลให้รายละเอียดในส่วนนี้จัดว่ามีความจำเป็นต่อการพิจารณาเลือกซื้อเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์ จำนวนมาก และมีข้อมูลที่จะต้องโอนถ่ายอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยในระหว่างวัน
ส่วนในด้าน ของการเลือกซื้อ นั้นหากต้องการให้ตัวสินค้ารองรับการใช้งาน ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดี มากที่สุด ก็ควรมองหาอุปกรณ์ ที่มีจำนวนช่องเชื่อมต่อมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อต้องการใช้งานในอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์หลักในการเชื่อมต่อ อยู่เป็นจำนวนมาก แต่สำหรับการใช้งานในพื้นที่ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักอย่าง อาคารสำนักงาน ขนาดเล็กและภายในบ้าน การเลือกรุ่นที่มีจำนวน ช่องเชื่อมต่อ เพียงพอต่อการใช้งาน ก็น่าจะตอบโจทย์การเลือกซื้อของคุณในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ดีมากเพียงพอแล้วครับ
3. ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดที่รองรับได้ในการรับ-ส่งข้อมูล
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีความจำเป็นอย่างมาก หากต้องการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานให้ได้ใน ระดับสูงสุด จะเป็นในเรื่องของความเร็วในการส่งออกข้อมูล ที่สามารถทำได้ผ่าน การใช้งาน Hub รุ่น นั้น ๆ ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นที่มาพร้อม ความเร็วสูงสุด ใน การรับ-ส่งข้อมูล สูงกว่า ก็จะต้องตอบโจทย์การโอนถ่ายข้อมูลจำนวนมาก ได้อย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพมากกว่า ตามไปด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น หากต้องการเพิ่มคุณภาพ ในการจัดการข้อมูล ภายในบ้าน หรือ อาคารสำนักงานของคุณให้ดีได้ มากที่สุด
คุณจึงควร ตรวจสอบ ถึงรุ่นที่รองรับความเร็ว และ มาตรฐานการส่งออกข้อมูล ให้อยู่ในระดับสูงสุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากจะทำให้คุณสามารถจัดการ กับ องค์ประกอบต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อได้ในระยะเวลา ที่ลดลงมาจากที่ควรจะเป็นได้เป็นอย่างมากด้วยนั่นเองครับ
4. ตรวจสอบขนาดพื้นที่ที่ใช้ในการจัดวางตัวอุปกรณ์
เรื่องของขนาดพื้นที่ ที่ใช้ในการจัดวางตัวสินค้า ก็นับเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ที่คุณไม่ควรมองข้ามไปในการตัดสินใจเลือก ซื้อ Switch Hub รุ่นที่เหมาะสมกับพื้นที่ของคุณมากที่สุดด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นส่วนที่มีผลโดยตรงต่อพื้นที่ในการจัดวางส่วนประกอบอื่น ๆ ที่มีผลต่อการใช้งานในอาคารสำนักงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ PC, เครื่องถ่ายเอกสาร , เครื่องปริ้นเอกสาร หรือแม้แต่ แล็ปท็อป ซึ่งหากคุณเลือกซื้อรุ่น ที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไป ก็อาจทำให้พื้นที่ที่จะมีเหลือเพื่อไว้ใช้ในการจัดวาง ส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ลดลงมาได้มากกว่าที่ควรจะเป็นอีกพอสมควร
แต่สำหรับการใช้งานใน อาคารสำนักงานขนาดใหญ่บางพื้นที่ ก็อาจจำเป็นจะต้องยอมแยกมาด้วยขนาดของตัวอุปกรณ์ที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตัวสินค้ามี ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ ที่เพิ่มมากขึ้นในขณะเดียวกัน ดังนั้นในการพิจารณาถึงรายละเอียดในส่วนนี้ ก็จึงควรพิจารณาถึงเรื่องอื่น ๆ ที่มีผลต่อการใช้งานประกอบกับการเลือกซื้อด้วยเช่นกันครับ
5. คำนึงถึงระยะทางที่ใช้ในการโอนถ่ายข้อมูล
ถึงแม้ว่า Switch Hub จะเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการ ถ่ายโอนข้อมูล จำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าตัวสินค้าจะรองรับการใช้งานได้ในทุกพื้นที่ ที่คุณต้องการ เนื่องจากแต่ละรุ่นนั้นมักจะมีการออกแบบมาให้รองรับการรับ-ส่งข้อมูลได้ในระยะทางที่แตกต่างกันออกไปตามประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละรุ่น
ซึ่งก็ถือเป็นข้อจำกัดส่วนนึงของ Hub ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการส่งออกข้อมูล รูปแบบนี้ เป็นผลให้ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อรุ่น ที่มีความเหมาะสมกับอาคารสำนักงาน และ บ้านของคุณ ก็จำเป็นจะต้องคำนึงถึงเรื่องระยะทาง และ ขนาดพื้นที่ ที่คุณต้องการใช้งานตัวอุปกรณ์ประกอบ กับการตัดสินใจซื้อด้วยครับ
Header text
Header text
บทสรุป
จากการที่อุปกรณ์ ประเภทนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการทำงานของระบบข้อมูลต่าง ๆ ภายในองค์กร จึงทำให้ในขั้นตอนของการตัดสินใจเลือกซื้อนั้น คุณควรจะตัดสินใจเลือกรุ่นที่มีความคุ้มค่าให้ถี่ถ้วนมากที่สุด เพื่อให้สามารถใช้งานตัวสินค้าในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเป็นการป้องกันความผิดพลาดในการรับ-ส่งข้อมูล ที่จะเกิดขึ้นระหว่างการทำงานในแต่ละวันด้วย ในเวลาเดียวกัน
ส่วนในด้านขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในการพิจารณาเลือกซื้อรุ่นที่มีความเหมาะสมนั้น หลัก ๆ แล้วจะประกอบไปด้วยรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ อย่างที่เราได้กล่าวไปในหัวข้อที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่จัดเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่มีผลต่อการใช้งานทั่วไปในแต่ละวันด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้น จึงควรค่อย ๆ พิจารณาไปช้า ๆ อย่างรอบคอบ และไม่ควรมองข้ามรายละเอียดใดไปเลยในการตัดสินใจเลือกซื้อ โดยหากได้ลองพิจารณาถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวไปอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเลือกซื้อรุ่นที่ เหมาะสมกับคุณ ได้อย่างเด็ดขาด ทางเราก็อยากจะลองแนะนำให้คุณได้ลองตรวจสอบดูถึงรายละเอียดของสินค้าในแต่ละรุ่น ที่เราได้แนะนำให้คุณไปในช่วงที่ผ่านมาของบทความ เพื่อป้องกันรายละเอียด สำคัญในบางส่วน ที่คุณอาจจะพลาดไปในการเลือกซื้อ และหากคุณสนใจสินค้ารุ่นใด ๆ ก็ตามที่เราได้แนะนำไว้ในคุณในบทความนี้ ก็สามารถกดสั่งซื้อสินค้าผ่านลิงก์ที่เราได้ใส่ไว้ให้ในแต่ละอันดับสินค้าได้เลยครับ