แนะนำ 10 รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2023
คุณพ่อคุณแม่เคยประสบกับปัญหาการอุ้มลูกน้อยนานๆ แล้วเกิดอาการปวดเมื่อยบ้างไหม แน่นอนว่าปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่มีลูกหลานอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ขาดไม่ได้ก็คือ รถเข็นเด็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อต้องอุ้มลูกนานๆ และยังเพิ่มความสบายให้กับลูกหลานเนื่องจากรถเข็นนั้น ได้ถูกออกแบบให้นั่งได้สบายๆ ไม่ปวดเมื่อยตัว มีหลายขนาดให้เลือกทั้งแบบขนาดใหญ่และแบบขนาดเล็กพกพาใส่รถได้ และบางรุ่นยังสามารถที่จะร่วมกับ คาร์ซีท ได้อีกด้วย
บทความนี้เรามี รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี มาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกซื้อได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับวัยของลูกน้อยของคุณ เพื่อให้คุณได้รถเข็นที่ดีที่สุดและใช้ได้นานๆ เชิญติดตามได้เลยค่ะ
10 รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี ปี 2023
- รถเข็นเด็ก Keenz Kinetic Double Seat รถเข็นเด็ก 2 ที่นั่ง
- รถเข็นเด็ก Qtus รุ่น DuetPro Stroller
- รถเข็นเด็ก APRAMO รุ่น EXXPLORE STROLLER
- รถเข็นเด็ก Chicco Trolley Me Stroller
- รถเข็นเด็ก Oyster max
- GLOWYรถเข็นเด็ก รุ่น Black Panther ll
- Fico รถเข็นเด็ก รุ่น OHIO D289
- รถเข็นเด็ก Grace Kids
- Fico รถเข็นเด็ก รุ่น OHIO NEW
- Cooper รถเข็นเด็กพับได้ รุ่น คลาสสิค Cooper classic
1. Keenz Kinetic Double Seat รถเข็นเด็ก 2 ที่นั่ง
★★★★★
รถเข็น Full size แบบ 2 ที่นั่ง นั่งสบาย ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด โครงสร้างเกรดเดียวกับอากาศยาน พับได้ด้วยมือเดียว
ยี่ห้อ / รุ่น | Keenz Kinetic Double Seat รถเข็นเด็ก 2 ที่นั่ง |
ประเภท | รถเข็น 2 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 25 กิโลกรัม |
ขนาด | 65 × 82 เซนติเมตร |
Keenz Kinetic Double Seat รถเข็นเด็กแบบ 2 ที่นั่งแบบบนล่าง เบาะนั่งใหญ่ นั่งสบาย รุ่นนี้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุประมาณ 4 ปี เหมาะสำหรับบ้านที่มีลูกแฝดหรือลูกที่มีน้ำหนักไม่ต่างกันมาก สามารถปรับทิศทางของเบาะได้สองทิศทาง สามารถสลับตำแหน่งเบาะขึ้นลงได้ตามต้องการ
คือสามารถใช้ได้ทั้งแบบที่นั่งเดียว และ สองที่นั่งได้เลย รองรับการติดตั้งคาร์ซีทได้ทั้งสองตำแหน่ง การติดตั้งเบาะที่สองสามารถติดตั้งได้ง่ายๆ ด้วยข้อต่อพิเศษที่มีความแข็งแรง สามารถรองน้ำหนักได้สูงสุด 25 กิโลกรัมต่อ 1 ที่นั่ง ความสูงจากพื้น 45 เซนติเมตรซึ่งเป็นความสูงที่ปลอดภัย โครงสร้างของรถเข็นผลิตจากAluminum AL6005 เกรดเดียวกับอากาศยาน สะดวกต่อการจัดเก็บด้วยการพับได้ด้วยมือเดียว ก่อนถอดให้ถอดเบาะด้านล่างออกก่อนการพับ
โครงรถพับแล้วสามารถตั้งได้เพื่อการจัดเก็บที่สะดวก ด้ามจับหุ้มหนังปรับระดับความสูงได้ น้ำหนักของรถเข็น 12.5 กิโลกรัม มาพร้อมตะกร้าใส่ของขนาดใหญ่ใส่ของได้เยอะ ล้อผลิตจากยางPU ที่แข็งแรง ทนทานและนิ่มนวลช่วยลดแรงกระแทกได้ดี หลังคาผลิตจากผ้าที่กันน้ำและรังสีUVA UVB SPF50+ มีช่องระบายอากาศ มีให้เลือก 4 สี ดำ เขียวอมฟ้า ฟ้าอ่อนและสีชมพู
2. รถเข็นเด็ก Qtus รุ่น DuetPro Stroller
★★★★★
รถเข็นเด็ก ดีไซน์เรียบหรู สไตล์ยุโรป รองรับ 2 ที่นั่งใน 1 คัน พับเก็บและกางง่ายใน 1 นาที
ยี่ห้อ / รุ่น | รถเข็นเด็ก Qtus รุ่น DuetPro Stroller |
ประเภท | รถเข็น 2 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 15 กิโลกรัม |
ขนาด | 85 × 61×107 เซนติเมตร |
รถเข็นเด็ก Qtus รุ่น Duet Pro Stroller รถเข็นเด็กดีไซน์เรียบหรู สไตล์ยุโรป รองรับการใช้งานได้ทั้งแบบ 2 ที่นั่ง และ 1 ที่นั่ง หมาะสำหรับบ้านที่มีลูกแฝดหรือพี่น้องที่มีน้ำหนักไม่ต่างกันมาก รถเข็นมีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป พับได้ประหยัดพื้นที่ สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิด เบาะที่นั่งปรับทิศทางได้ หันหน้าเข้าและออก รถเข็นพับเก็บง่าย
โครงสร้างTriangle แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้มากถึง 15 กิโลกรัม ต่อหนึ่งที่นั่ง ปรับเอนนอนได้ 3 ระดับสูงสุด 175 องศา สามารถใช้งานได้ทุกสภาพพื้นผิว เข็นนุ่มสบายมีระบบSoft driveที่ช่วยลดแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือน ล้อขนาดใหญ่ ทำจากPU ยืดหยุ่นสูง ทนทาน เข็นง่ายล้อหมุนได้ 360 องศา รองรับการเลี้ยวโค้งได้ดี เบาะรองนั่งนุ่มสบายทำจากผ้าฝ้าย ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น
ด้ามจับ Handlebar ช่วยกันชนเพื่อความปลอดภัยสามารถถอดออกได้ ออกแบบโครงสร้างปลอดภัยต่อเด็กๆ ไม่มีรอยต่อหรือวัสดุที่จะทำให้เด็กๆบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีระบบเบรกคู่หลังที่ช่วยให้เบรกรถได้อย่างนุ่มนวล เข็มขัดนิรภัยสามารถปรับได้ตามขนาดของเด็ก ได้รับมาตรฐาน EURO Tested : EN 1888
3. รถเข็นเด็ก APRAMO รุ่น EXXPLORE STROLLER
★★★★★
รถเข็นเด็ก Full size พับเก็บง่าย เข็นลื่นทุกพื้นผิว ลดแรงสั่นสะเทือน เบาะกว้าง นั่งสบาย
ยี่ห้อ / รุ่น | APRAMO รุ่น EXXPLORE STROLLER |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 20 กิโลกรัม |
ขนาด | 59.5× 105×109 เซนติเมตร |
APRAMO รุ่น EXXPLORE STROLLER รถเข็นเด็กสัญชาติอังกฤษ รถเข็นขนาด Full size สามารถใช้ได้ตั้งแต่ แรกเกิดจนถึง 6 ปี รองรับน้ำหนักได้ถึงประมาณ 20 กิโลกรัม สามารถใช้งานได้จนถึงประมาณ 6 ปีเลยทีเดียวดีไซน์เรียบหรู ที่นั่งขนาดกว้างใหญ่นั่งสบาย คุ้มค่ากับการลงทุน รองรับทุกการเจริญเติบโต เบาะนั่งสามารถปรับได้ 2 ทิศทาง หันหน้าเข้าและหันหน้าออก พับเก็บได้ง่าย เข็นลื่น นุ่มสบายทุกสภาพพื้นผิว ด้วยระบบโช๊คทั้ง 4 ล้อ ช่วยลดแรงการสั่นสะเทือนได้
ล้อสามารถหมุนได้ 360 องศา พร้อมระบบล็อคล้อเพื่อความปลอดภัย โครงสร้างแข็งแรงทำจากAluminum ทนทานสูงสุด มีด้ามจับที่สามารถปรับได้ 4 ระดับ ตามต้องการ ความสูงจากพื้น 51 ซม. เพื่อป้องกันความร้อนและฝุ่นจากพื้นถนน เบาะนั่งขนาด32ซม.กว้างมาก Canopyขนาดใหญ่ช่วยป้องกันแสงแดดและมลภาวะภายนอก ที่พักเท้าปรับได้ เบาะนั่งปรับเอนนอนได้ สูงสุด 175 องศานอนสบาย เบาะนั่งทำจากเส้นใยTerylene นุ่มสบายสูงสุด ระบายอากาศได้ดี ไม่ระคายเคืองผิว กันน้ำ100% มีตระกร้าใส่ของขนาดใหญ่ จุของได้เยอะ
4. รถเข็นเด็ก Chicco Trolley Me Stroller
★★★★★
รถเข็นเด็ก เบาะนั่งกว้างนั่งสบาย ปลอดภัย พับเก็บง่าย และลากได้ด้วยมือเดียว เหมาะสำหรับการเดินทาง
ยี่ห้อ / รุ่น | Chicco Trolley Me Stroller |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 7.1 กิโลกรัม |
ขนาด | 84 × 46.95×103 เซนติเมตร |
Chicco Trolley Me Stroller รถเข็นเด็ก ที่ตอบโจทย์สำหรับการเดินทางกับลูกน้อย เพราะการดีไซน์นั้นสามารถตอบโจทย์การใช้งานและการพับเก็บที่สะดวกมากๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถพับเก็บรถเข็นได้สะดวกด้วยมือเดียว
ขนาดเมื่อพับแล้วจะมีขนาดที่เล็กลงและสามารถลากหรือวางตั้งได้ เบาะนั่งกว้างมากและมีความปลอดภัยด้วยการ Support ตรงสายรัดนิรภัย และยังมีบาร์กันตกเพื่อความปลอดภัยและสามารถถอดออกได้เมื่อไม่ใช้งาน หลังคากันแดดมีช่องสำหรับการมองเห็นได้จากภายนอก มีตระกร้าเก็บของขนาดใหญ่ สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 7 กิโลกรัม มีให้เลือก 2 สี Stone และEmerald
5. รถเข็นเด็ก Oyster max
★★★★★
รถเข็นเด็กสไตล์ยุโรป สวยเท่ ทันสมัย ปรับเพิ่ม2 ที่นั่งได้ ล้อขนาดใหญ่แข็งแรง หลังคาคลุมกันUV
ยี่ห้อ / รุ่น | รถเข็นเด็ก Oyster max |
ประเภท | รถเข็น 2 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 20 กิโลกรัม |
ขนาด | 110×60 ×103 เซนติเมตร |
รถเข็นเด็ก Oyster max รถเข็นเด็กจากประเทศอังกฤษ ดีไซน์หรูหราสไตล์ยุโรป รูปทรงสวย และคุณภาพดี คุ้มค่าใช้งานได้นาน รุ่นนี้มีล้อที่มีขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้ดีมากๆ สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ 2 ที่นั่งและ 1 ที่นั่ง เหมาะสำหรับบ้านที่มีลูกแฝดหรือ พี่น้องที่มีน้ำหนักตัวไม่ต่างกันมาก ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนักลูกได้ 20 กิโลกรัม
เบาะสามารถปรับนอนราบได้ สามาถปรับใส่กระเช้าคาร์ซีทได้ ทั้งสองเบาะ เนื้อผ้าและด้ามจับเป็นหนังกันน้ำ นุ่มสบาย ล้อใหญ่แข็งแรงมีระบบโช้คที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ดี ล็อคล้อได้ ที่นั่งสูงกำลังพอดี ผ้าคลุมขยายออกได้กว้าง 99% ช่วยกันรังสีUV ได้ ผ้าคลุมระบายอากาศได้ดี ยืดความสูงของผ้าคลุมได้ ตัวรถเข็นสามารถพับเก็บได้สะดวก รถเข็นสามารถเข็นได้ 2 ทาง เบาะนั่งสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ ที่พักขาก็สามารถปรับระดับได้
6. GLOWYรถเข็นเด็ก รุ่น Black Panther ll
★★★★★
รถเข็นเด็ก พับเองอัตโนมัติ ไม่เปลืองแรง โครงแข็งแรง พนักพิงกว้าง หลังคากันแสงUV
ยี่ห้อ / รุ่น | GLOWYรถเข็นเด็ก รุ่น Black Panther ll |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 22 กิโลกรัม |
ขนาด | 47×63×103 เซนติเมตร |
รถเข็นเด็ก GLOWY รุ่น Black Panther ll รถเข็นเด็ก ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ออกแบบทันสมัยตอบโจทย์การใช้งานที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณพ่อคุณแม่ นวัตกรรมการพับเองอัตโนมัติ ด้วยมือเดียว ไม่เปลืองแรง รถเข็นขนาดกำลังดี เข็นลื่น นั่งสบาย โครงสร้างแข็งแรง
รถเข็นรุ่นนี้ มาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เช่น มุ้ง ที่กันฝน กันลม ที่วางแก้ว และกระเป๋าใส่รถเข็น เข็มขัดนิรภัย 5 จุดเพื่อความปลอดภัย ล้อขนาดใหญ่ ล้อหน้าหมุนได้ 360 องศา พร้อมระบบล็อคล้อเวลาจอด เพื่อป้องกันรถลื่นไหล หลังคาบังแสงแดด สามารถรูดซิปเพื่อปรับขยายได้ มีช่องที่เปิดปิดได้เพื่อระบายอากาศ พนักพิงเสริมแผ่นรองหลังกว้าง ทำให้ลูกนั่งหรือนอนได้ในท่าที่สบาย ปรับเอนนอนได้ 170 องศา มีที่วางเท้าทำให้นั่งสบาย ตระกราช้าใส่ของของใหญ่ มีเลือก 2 สี Ashleyและ Serious Black
7. Fico รถเข็นเด็ก รุ่น OHIO D289
★★★★★
รถเข็นเด็ก เบาะรองนั่งใหญ่ บุฟองน้ำนุ่มนอนสบาย ปรับเอนนอนราบได้ พับเก็บได้ง่าย
ยี่ห้อ / รุ่น | Fico รถเข็นเด็ก รุ่น OHIO D289 |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 20 กิโลกรัม |
ขนาด | 44×73×42 เซนติเมตร (ขนาดตอนพับ) |
รถเข็นเด็ก Fico รุ่น OHIO D289 รถเข็นเด็กยี่ห้อที่ขายดีอีกหนึ่งยี่ห้อ ดีไซน์สวยงามมีให้เลือกหลายสี เบาะรองนั่งขนาดใหญ่บุฟองน้ำนุ่มทำให้ลูกรู้สึกสบายมากขึ้น พนักพิงปรับเอนนอนราบได้ 170 องศา ปรับที่วางเท้าได้ตามความเหมาะสม มีผ้าตาข่ายที่ด้านหลัง ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้รู้สึกร้อน และยังเปิดปิดได้ ที่บังแดดขนาดใหญ่ ปรับได้ 5 ระดับทางแบรนด์ออกแบบส่วนปลายให้สามารถเพิ่มยืดออกมาได้เพื่อการป้องกันแสงแดดอย่างมิดชิด
นอกจากนี้ยังมีมุ้งกันยุง ขนาดใหญ่เพื่อป้องกันยุงและแมลงรบกวนลูก ขณะนอนหลับ มีที่เก็บของขนาดใหญ่ด้านล่างรถเข็น มีผ้าคลุมรถเข็นมาให้เพื่อจัดเก็บป้องกันฝุ่นเมื่อไม่ได้ใช้งาน สามารถพับเก็บได้เพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ พับแล้วตั้งได้ลากได้อิสระ พับเก็บง่ายเพียงกดปุ่ม สามารถติดตั้งคาร์ซีทได้ สามารถล็อคล้อได้ 2 ล้อพร้อมกัน โครงสร้างทำจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ล้อขนาดใหญ่ 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันการกระแทก เข็นลื่นทุกพื้นผิว มีบาร์กันกระแทกที่ถอดออกได้ พร้อมระบบสายรัดนิรภัยปรับระดับได้ช่วยกันกระแทก 5 จุด
8. รถเข็นเด็ก Grace Kids
★★★★★
รถเข็นเด็ก 8 ล้อ หมุนได้ 360 องศา เข็นง่าย ไม่สะเทือน เบาะปรับนอนราบได้ 180 องศา
ยี่ห้อ / รุ่น | รถเข็นเด็ก Grace Kids |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 25 กิโลกรัม |
ขนาด | 54×76×103 เซนติเมตร |
รถเข็นเด็ก Grace Kids รถเข็นเด็กราคาเบาๆที่มีคุณภาพดีโครงสร้างแข็งแรง เบาะสามารถถอดซักทำความสะอาดได้ ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัวสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนัก 25 กิโลกรัม เพราะเบาะสามารถปรับได้ 3 ระดับและสามารถปรับเอนนอนราบได้ 180 องศา เข็นได้ 2 ทิศทางทั้งหันหน้าและหันหลัง เข็นง่ายล้อ8 ล้อหมุนได้ 360 หมุนได้อิสระ
มีระบบล็อคล้อ 2 ล้อด้านหลัง ล้อหน้าหมุนได้ รอบทิศทาง รถสามารถพับเก็บได้ หลังคาบังแดดกว้างและสูงโปร่ง บังแดดได้ดี มีตาข่ายสามารถดูลูกได้ มีเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัย ตระกร้าเก็บของขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง จุของได้เยอะ มีกระเป๋าใส่ของที่ด้านหลังรถเข็น น้ำหนักรถเข็น 6 กิโลกรัม
9. Fico รถเข็นเด็ก รุ่น OHIO NEW
★★★★★
รถเข็นเด็ก ดีไซน์ทันสมัย เบาะปรับเอนนอนได้ หน้าต่างระบายอากาศ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย
ยี่ห้อ / รุ่น | Fico รถเข็นเด็ก รุ่น OHIO NEW |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 30 กิโลกรัม |
ขนาด | 44×73×42 เซนติเมตร (ขนาดตอนพับ) |
รถเข็นเด็ก Fico รุ่น OHIO NEW รถเข็นเด็กอีกหนึ่งรุ่นของ Fico ที่มีดีไซน์ที่ทันสมัยและสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเพราะรถเข็นรุ่นนี้สามารถใช้ได้ตั้งแรกเกิดจนถึงน้ำหนัก 30 กิโลกรัมเลยทีเดียว เบาะรองนั่งขนาดใหญ่ ผ้านุ่มขึ้น 40% รู้สึกสบายมากขึ้น รุ่นนี้ยังให้ซัพพอร์ตรองนั่งที่หนานุ่มพิเศษมากขึ้นพิเศษสำหรับรุ่นนี้เท่านั้น พนักพิงปรับระดับเพื่อเอนนอนราบได้สบาย มีที่วางเท้าที่ปรับระดับความสูงต่ำได้ตามความเหมาะสม อากาศถ่ายเทได้สะดวกมีผ้าตาข่ายที่ด้านหลังเพื่อระบายอากาศ มีที่บังแดดขนาดใหญ่
สามารถปรับได้ 5 ระดับสามารถบังแดดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ มีมุ้งสำหรับป้องกันกันยุงและแมลงมากัดลูกน้อย ตระกร้าเก็บของขนาดใหญ่ ด้านล่างรถเข็น รถสามารถพับเก็บได้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ และพกพาไปนอกสถานที่ พับเก็บง่ายเพียงแค่กดปุ่ม สามารถติดตั้งคาร์ซีทได้ ล้อสามารถล็อคได้ 2 ล้อพร้อมกัน โครงสร้างแข็งแรง ทำจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน และมีระบบ รักษาความปลอดภับพื้นฐาน อย่างบาร์กันกระแทกที่ถอดออกได้ และระบบสายรัดกันกระแทก 5 จุด ที่สามารถปรับความสั้นหรือยาวของสายรัดได้
10. Cooper รถเข็นเด็กพับได้ รุ่น คลาสสิค Cooper classic
★★★★★
รถเข็นเด็กพับได้ ดีไซน์คลาสสิก ล้อขนาดใหญ่ เข็นง่าย พับกางง่าย สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
ยี่ห้อ / รุ่น | Cooper รถเข็นเด็กพับได้ รุ่น คลาสสิค Cooper classic |
ประเภท | รถเข็น 1 ที่นั่ง |
รองรับน้ำหนัก | รับน้ำหนักสูงสุด 60 กิโลกรัม |
ขนาด | 56×23×36 เซนติเมตร (ขนาดตอนพับ) |
รถเข็นเด็ก Cooper รุ่น คลาสสิค Cooper classic รถเข็นเด็ก ดีไซน์คลาสสิก สวยงาม หรูหราและทนทานแข็งแรง ล้อขนาดใหญ่ ล้อหน้าหมุนได้ 360 องศา มีระบบโช้คกันกระแทกทั้ง 4 ล้อ ใช้งานได้ทุกสภาพพื้นผิว รถเข็นรุ่นนี้คุ้มค่าอย่างที่สุดเพราะคุณสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงประมาณ 5 ปี
รถเข็นสามารถพับกางได้พับแล้วลากโดยไม่ต้องยกที่ลากตอนพับแล้วสูงขึ้น มีที่หิ้วด้านข้าง เบาะนั่งสบายปรับเอนนอนราบได้ ตระกร้าใส่ของด้านล่างจุของได้เยอะ แขวนของด้านหลังได้เยอะรับได้ถึง 8 กิโลกรัมโดยไม่รถไม่หงายหลัง มีหลังคาที่มีช่องระบายอากาศที่สามารถมองเด็กได้ชัดเจน มีช่องระบายทั้งด้านบนและด้านหลัง หลังคาปรับได้ 3 ระดับและกันรังสี UVได้ เพื่อความปลอดภัยของลูกก็ยังมีระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุดและมีที่กั้นเป้ากันตกด้วย มีให้เลือก 4 สี Indigo jeans, Elite Grey , Elite Black , Golden Brown
ประเภทของ รถเข็นเด็ก
รถเข็นเด็กสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะของรถเข็น คือ
- รถเข็นเด็กแบบ 4 ล้อ
รถเข็นเด็ก แบบ 4 ล้อ เป็นรถเข็นเด็กแบบมาตรฐาน ที่เราสามารถพบได้ทั่วไปเป็นที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากบางรุ่นสามารถใช้งานได้นานตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี เป็นรถเข็นเด็กที่ใช้งานง่าย แข็งแรงทนทาน มีล้อ 4 รับน้ำหนักได้ดี ทรงตัวได้ดี เข็นง่าย มีพื้นที่เก็บของกว้าง - รถเข็นเด็กแบบ 3 ล้อ
รถเข็นเด็ก แบบ 3 ล้อ จะเหมาะกับเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่ขยับร่างกายมากนักเน้นการนอนนิ่งๆ รถเข็นเด็กประเภทนี้มีล้อที่มีความคล่องตัวเวลาที่ใช้งาน สามารถหันทิศทางได้สะดวก ช่วยลดแรงเสียดทาน และลดน้ำหนักของรถเข็นได้ดี เหมาะกับการใช้ในพื้นที่เรียบไม่ขรุขระและไม่ลาดเอียง - รถเข็นเด็ก 2 ที่นั่ง
รถเข็นเด็ก แบบ 2 ที่นั่ง เหมาะสำหรับบ้านที่มีลูกในวัยใกล้เคียงกันมีน้ำหนักตัวเท่าๆกัน หรือบ้านที่มีลูกแฝด เป็นรถเข็นที่สะดวกมากๆตอบโจทย์ลงตัวสำหรับบ้านที่มีลูก 2 คน เพราะรถเข็นคันเดียวสามารถใส่เด็กได้ถึง 2 คน ทำให้พ่อแม่ไม่ต้องอุ้มลูกตลอดเวลา สามารถมองเห็นลูก 2 คนในเวลาเดียวกัน ควรเลือกแบบที่มีพื้นที่นั่งค่อนข้างกว้างเพื่อไม่ให้ลำตัวชิดกันมากเกินไป และไม่เหมาะกับเด็กที่มีขนาดร่างกายหรือน้ำหนักที่ต่างกันมากๆ
การตรวจสอบระบบ ความปลอดภัยของรถเข็นเด็ก
เรื่องของระบบความปลอดภัยของ รถเข็นเด็ก นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเราจะไม่เลือกเพียงแค่ดูจากราคาแล้วเดาเอาว่ารถเข็นคันนี้ดีเท่านั้น จะต้องตรวจสอบระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ควรจะต้องมีในรถเข็นเด็กทุกคัน ดังนี้
- ตรวจสอบระดับความสูงของเบาะ
ระดับความสูงของเบาะแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นอาจมีความแตกต่างกัน ความสูงมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 35 – 50 เซนติเมตรจากพื้น การวัดระดับความสูงควรให้เท้าของเด็กลอยเหนือพื้นอย่างน้อย15-20เซนติเมตร
เพื่อป้องกันเท้าของเด็กกระทบกับพื้น และเผื่อระดับความสูงที่มากขึ้นของเด็กตามอายุ เพื่อความมั่นใจควรไปเลือกด้วยตนเองและหากทดลองให้เด็กนั่งได้ก็จะได้ขนาดที่พอดีมากที่สุด - ตรวจสอบความแข็งแรงของสายรัดนิรภัย
สายรัดนิรภัยมีความสำคัญกับเด็กทุกช่วงวัยที่ใช้รถเข็น เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงจากการใช้รถเข็น ไม่ว่าจะเป็นการเบรกกะทันหัน พื้นลื่น สายรัดนิรภัยควรมีความแข็งแรงไม่หลุดง่าย มีตัวล็อค
โดยดูจากขนาด ความยาว และตำแหน่งที่เหมาะสม สายสามารถปรับได้เพื่อให้เหมาะกับขนาดร่างกายของเด็ก สายไม่มีเนื้อสัมผัสที่แข็งมากจนบาดผิวเด็ก ควรห่อหุ้มด้วยอีกชั้นเพื่อป้องกันการกดรัดและบาดผิว - มีการออกแบบรถเข็นที่สามารถรองรับการกระแทกได้ดี
เนื่องจากพื้นผิวของแต่ละพื้นที่จะมีทั้งพื้นที่เรียบและพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้รถเข็นอาจเกิดแรงสั่นสะเทือนจนทำให้เด็กตกใจตื่นได้ รถเข็นควรออกแบบเพื่อรองรับแรงแทกได้ดี
เช่น รถเข็นที่เป็นล้อยางหรือซิลิโคนจะมีความนุ่มยืดหยุ่นไปตามพื้นที่ต่างๆได้ไม่ทำเกิดแรงกระแทกที่แรง นอกจากนี้เบาะรองนั่งควรมีความนุ่มแน่น ทำให้นั่งสบายไม่เจ็บก้น และบางยี่ห้ออาจมีระบบโช้คอัพที่ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือน - มีระบบล็อคล้อและล้อสามารถหมุนได้ 360 องศา
รถเข็นเด็กที่มีล้อที่หมุนได้ 360 องศาจะสามารถเข็นได้สะดวกมาก เนื่องจากสามารถบังคับเลี้ยวได้ง่าย โดยไม่ต้องออกแรงมาก สามารถบังคับเลี้ยวได้แม้ในพื้นที่แคบ ที่สำคัญคือจะต้องมีที่ล็อคล้อทุกล้อเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถเข็นลื่นไถล
วิธีเลือก ซื้อ รถเข็นเด็ก
เพื่อความปลอดภัยของลูก ไม่ใช่ว่าจะเห็นเพียงแค่เป็นรถเข็นที่ราคาไม่แพงเท่านั้น แต่ควรเลือกรถเข็นที่เหมาะสมกับวัยและที่สำคัญก็คือควรคำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ สามารถเลือกได้จากวิธีการเลือกซื้อที่เราได้แนะนำไว้ ดังนี้
4 วิธีการเลือกซื้อ
1. เลือกรถเข็นเด็ก ประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน
รถเข็นเด็กสมัยใหม่มีหลายรูปแบบมากๆเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัวมากที่สุด ซึ่งรถเข็นเด็กที่เราพบได้บ่อยๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือรถเข็น 4 ล้อซึ่งเป็นรถเข็นแบบมาตรฐานที่นิยมมากที่สุด รถเข็น 3 ล้อการใช้งานเหมือนกับรถเข็น 4 ล้อซึ่งจะมีความคล่องตัวมากกว่า และรถเข็นเด็กแฝดซึ่งเป็นรถเข็นแบบ2ที่นั่งเหมาะสำหรับบ้านที่มีลูกแฝดเข็นครั้งเดียวไปได้ 2 คน
2. เลือกรถเข็นเด็ก ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็ก
เนื่องจากเด็กเล็ก แต่ละช่วงอายุจะมีลักษณะรูปร่างที่มีความต่างกัน เมื่อเราเลือกใช้รถเข็นเด็กควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เราสามารถแบ่งช่วงอายุต่างๆออกได้เป็น 3 ช่วงวัย
- อายุ 1 เดือน – 1 ปี : เด็กวัยนี้ยังมีกล้ามเนื้อคอที่ไม่แข็งแรง จะต้องวางศีรษะของเด็กไม่ให้ดันไปข้างหน้ามากเกินไป ให้ลำคอยู่แนวตรง เบาะกันกระแทกไม่นิ่มเกินไป หลังคาเปิด ปิดง่ายเพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน รถเข็นจะต้องมีที่กั้นกันตก เข็มขัดนิรภัย บริเวณล้อมีที่ห้ามล้อ และมีช่องสำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆ และหากเป็นรุ่นที่มีของเล่นเด็กที่เป็นโมบายและมีเสียงเพลงด้วยเด็กๆก็จะรู้สึกเพลิดเพลิน
- อายุ 1 – 3 ปี : เด็กช่วงวัยนี้กำลังเริ่มหัดเดิน ชอบที่จะเดินมากกว่านั่ง เคลื่อนไหวร่างกายไม่อยู่นิ่งและชอบที่จะปีนป่าย การใช้รถเข็นสำหรับเด็กวัยนี้ควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีที่กั้น มีเข็มขัดนิรภัย ที่ห้ามล้อและควรเป็นรถเข็นแบบที่มี 4 ล้อ เพื่อป้องกันรถพลิกคว่ำจากการเคลื่อนไหวร่างกาย มีที่วางของกว้างๆสำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้และของเล่น
- อายุ 3 – 5 ปี : เด็กวัยนี้เริ่มโตมากขึ้นและสามารถเดินได้แล้ว แต่เพื่อความรวดเร็วการใช้รถเข็นเด็กกับการเดินทางระยะไกลจะเหมาะสมมากกว่า รถเข็นเด็กวัยนี้ควรมีน้ำหนักเบา เนื่องจากเด็กเริ่มมีน้ำหนักมาก
3. เลือกรถเข็นเด็ก ที่มีน้ำหนัก สามารถพับเก็บได้ สะดวกต่อการจัดเก็บในรถเวลาเดินทาง
เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เวลาเดินทางไปนอกบ้าน ควรเลือกรถเข็นที่สามารถพับเก็บได้ มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด เพื่อสามารถใส่ในรถยนต์ได้สะดวก และสามารถถือได้ด้วยมือเดียว บางรุ่นจะสามารถใช้งานเป็นคาร์ซีทได้ก็จะช่วยประหยัดค่าคาร์ซีทได้ทั้งรถเข็นและคาร์ซีทไม่ต้องซื้อหลายอย่าง
4. เลือกรถเข็นเด็ก ที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง รวมถึงระบบต่างๆ มีความปลอดภัย
เรื่องของความแข็งแรง ของรถเข็นเด็กนั้น มีความสำคัญอย่างมาก ควรเลือกรถเข็นเด็กที่ทำจากวัสดุที่มีความปลอดภัย แข็งแรง ทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เนื้อผ้าคลุมก็ควรมีความนุ่มซัพพอร์ตร่างกายของเด็กและสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากจะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ เช่น สายรัดเข็มขัดนิรภัย ราวกั้น หลังคาคลุมปิดบังแดด ที่ล็อคล้อที่แข็งแรง ล้อแข็งแรงหมุนได้ 360 องศา เป็นต้น
บทสรุป
การใช้รถเข็นเด็ก สามารถช่วยลดความเมื่อยล้า จากการอุ้มลูกนานๆได้ดี เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพลาด อย่างไรก็ตาม หลักการสำคัญคือการเลือก ซื้อรถเข็นเด็กที่ มีความปลอดภัย โครงสร้างแข็งแรง ไม่มีจุดที่แหลมคมที่อาจทิ่มแทงได้ เข็มขัดนิรภัยแบบล็อค 5 จุด อาจมีของเล่นโมบายน่ารักๆ หรือมีเสียงเพลงเพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็กๆ